อัปเดตวันที่ 5 เมษายน 2022
หนึ่งในเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดซึ่งนักเทรดส่วนมากใช้เป็นประจำทุกวันคือฟีเจอร์ Take Profit/ Stop Loss ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเครื่องมือเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำหรับนักเทรดฟอเร็กซ์ทุกคน Take Profit และ Stop Loss ไม่ได้พิเศษเฉพาะฟอเร็กซ์เท่านั้น บนแพลตฟอร์ม IQ Option ยังเป็นไปได้ที่จะใช้ระดับเหล่านี้สำหรับสินทรัพย์ CFD ทั้งหมด เช่น หุ้น ฟอเร็กซ์ สกุลเงินดิจิตอล และสินค้าโภคภัณฑ์
วันนี้เราจะมาดูวิธีตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit อย่างถูกต้องกัน ทำความเข้าใจกับความหมายของ Stop Loss และ Take Profit และดูว่าจะนำไปใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างไร
Take Profit และ Stop Loss คืออะไร
Stop Loss คือระดับที่นักเทรดกำหนดไว้เพื่อให้สถานะปิดลงอัตโนมัติ Take profit ทำงานคล้ายกัน การตั้งค่าระดับนี้เป็นการส่งสัญญาณไปหาโบรกเกอร์ว่าคุณต้องการให้สถานะของคุณปิดที่ระดับที่กำหนดไว้ เมื่อถึงระดับที่ต้องการ
Take profit คือค่าที่นักเทรดเลือกตามความเหมาะสมหรือเพียงพอในกรณีที่ดีลเป็นไปตามที่นักเทรดต้องการ เมื่อกำไรถึงระดับที่มีการกำหนด Take Profit ไว้ ดีลจะปิดลงโดยอัตโนมัติ
Stop loss คือระดับของการสูญเสียที่ยอมรับได้ ซึ่งนักเทรดยินดีแบกรับในกรณีที่ดีลไม่เป็นไปตามการคาดการณ์ หากการสูญเสียถึงระดับที่กำหนด ดีลจะปิดโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้
ข้อดีและข้อเสีย
อาจไม่ชัดเจนว่าทำไมนักเทรดจึงต้องตั้งค่าระดับเหล่านี้แทนที่จะเทรดโดยไม่มีมัน อันที่จริงเครื่องมือเหล่านี้มีข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นเรามาดูรายละเอียดกัน
ข้อดี: | ข้อเสีย: |
|
|
โดยทั่วไประดับ Stop Loss และ Take Profit ถือว่าเป็นฟีเจอร์การจัดการความเสี่ยงที่เป็นประโยชน์ ขึ้นอยู่กับนักเทรดทุกคนที่จะตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการใช้งานอย่างไรในกิจวัตรการเทรด
วิธีตั้งค่าระดับ Stop Loss และ Take Profit
หากต้องการตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit นักเทรดสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้:
1. เลือกตราสารที่ต้องการสำหรับการเทรด (ฟอเร็กซ์ เงินดิจิตอล และอื่นๆ)
2. กำหนดจำนวนเงินลงทุนที่ต้องการและตัวคูณและคลิกบนปุ่ม “ปิดอัตโนมัติ”
3. กำหนด Take Profit (“เมื่อกำไรเท่ากับ…”) และ Stop Loss (“เมื่อขาดทุนเท่ากับ…”)
4. เมื่อกำหนดเลเวลที่จำเป็นแล้ว นักเทรดสามารถเปิดสถานะได้โดยการคลิก “ซื้อ” หรือ “ขาย”
5. ระดับปิดอัตโนมัติจะถูกแสดงบนกราฟเพื่อความสะดวกของคุณ
ขั้นตอนต่อไปสามารถดูได้ในวิดีโอต่อไปนี้
เครื่องคำนวณ Take Profit และ Stop Loss
วิธีตัดสินใจว่าต้องวางคำสั่ง Take Profit และ Stop Loss ที่ไหน
โดยทั่วไปนักเทรดตัดสินใจบนระดับที่รู้สึกสบายใจที่จะใช้งาน Stop Loss จะขึ้นอยู่กับจำนวนเงินลงทุนและเงินทุนทั้งหมดที่นักเทรดใช้งาน สามารถใช้ระดับแนวรับและแนวต้านเป็นจุดอ้างอิงได้
อีกวิธีหนึ่งในการตัดสินใจเกี่ยวกับจำนวนการขาดทุนที่ยอมรับได้คือการใช้เครื่องคำนวณที่มีอยู่ในห้องเทรด เครื่องคำนวณทำให้คุณสามารถคิดจำนวนเงินอ้างอิงตามจำนวนเงินลงทุนของคุณ ซึ่งสะดวกทั้งสำหรับการกำหนด Stop Loss และสำหรับแนวทางการเทรดบางอย่าง (เช่น กลยุทธ์ Martingale)
คุณสมบัติเพิ่มเติม
Stop Loss กับ Trailing Stop
นักเทรดที่มีประสบการณ์รู้ว่ามีอีกฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจสำหรับฟอเร็กซ์และสินทรัพย์ CFD อื่นๆ นั่นคือ Trailing Stop ระหว่าง Trailing Stop Loss และ Stop Loss มีข้อแตกต่างอย่างไร
เมื่อกำหนดค่าแล้ว คำสั่ง Stop Loss จะไม่เปลี่ยนแปลง Trailing Stop จะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่สินทรัพย์ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ (ไม่สร้างผลดีกับนักเทรด) แต่ข้อแตกต่างหลักคือในกรณีที่ราคาเป็นไปตามที่นักเทรดต้องการ Trailing Stop จะติดตามการเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง pip จำนวนที่เท่ากันจากสถานะเริ่มต้น
ยกตัวอย่างเช่น สถานะ Long (“ซื้อ”) สำหรับทุก 10 เซนต์ที่ราคาเพิ่มขึ้น Trailing Stop Loss จะเพิ่มขึ้น 10 เซนต์เช่นกัน แต่หากราคาลดลง 10 เซนต์ Stop Loss จะไม่ขยับ Stop Loss ประเภทนี้มีไว้เพื่อป้องกันนักเทรดจากความสูญเสียมหาศาล ขณะที่ทำการล็อกผลลัพธ์เป็นบวกที่เป็นไปได้
ทั้ง Trailing Stop Loss และ Stop Loss ปกติมีประสิทธิภาพในการช่วยนักเทรดในเรื่องของการจัดการเงิน ขึ้นอยู่กับแนวทางการเทรด นักเทรดสามารถตัดสินใจว่าตัวเลือกไหนจะเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
ใช้ยอดคงเหลือเพื่อรักษาให้สถานะเปิด
อีกฟีเจอร์สำหรับการจัดการความเสี่ยงคือตัวเลือก “ใช้ยอดคงเหลือ…” เมื่อทำการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ นักเทรดจะอนุญาตให้โบรกเกอร์หักเงินจากยอดคงเหลือเพื่อรักษาให้ดีลเปิดต่อไปในกรณีที่ถึงระดับปิดอัตโนมัติมาตรฐานแล้ว
สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือเงินจะถูกหักต่อเมื่อดีลถึงระดับปิดอัตโนมัติแล้วเท่านั้น ยอดคงเหลือไม่ถูกใช้หากสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่นักเทรดต้องการ
เงินที่ถูกหักจากยอดคงเหลือจะถูกคืนให้ในกรณีที่ราคาย้อนกลับและเป็นไปในทิศทางที่นักเทรดต้องการ แต่หากดีลปิดพร้อมขาดทุน เงินจะไม่ถูกคืนให้
ตัวเลือกนี้อาจเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการให้ดีลดำเนินต่อไปแม้ว่าจะขาดทุน แต่สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าอาจมีความเสี่ยงมากและอาจทำให้สูญเสียเงินทั้งหมดได้ ฟีเจอร์นี้ต้องมีการควบคุมเมื่อใช้งานโดยนักเทรดมือใหม่
สรุป
เมื่อทราบความหมายของฟีเจอร์ Take Profit และ Stop Loss แล้วก็เข้าใจได้ไม่ยาก ระดับเหล่านี้อาจเป็นประโยนช์สำหรับนักเทรดทุกคนที่จริงจังกับการจัดการความเสี่ยง สิ่งสำคัญที่สุดของการใช้งานระดับเหล่านี้คือการตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดระดับเพราะโมเมนตัมมีผลอย่างมากในการเทรด