การเสียเทรดเป็นไปได้ตลอดเวลา แม้ว่าคุณได้ทำการค้นคว้ามาแล้ว พบเวลาเข้าดีลที่เหมาะสม และดำเนินกลยุทธ์ของคุณอย่างแม่นยำ และเรื่องนี้สามารถทำให้คุณท้อแท้ได้อย่างมาก มันยังน่าสิ้นหวังมากขึ้นไปอีกหากดีลควรที่จะปิดตามการคาดการณ์ของคุณ แต่มีบางอย่างผิดพลาด เรื่องนี้มีเหตุผลอะไรและสามารถแก้ไขอะไรได้บ้าง คำตอบนั้นง่ายมาก: เหมือนว่าเทรดปิดไม่ตรงเวลา การเทรดโดยไม่มีแผนออกเทรดที่ชัดเจนเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้น เมื่อใดควรออกจากดีล และอะไรคือเหตุผลที่นักเทรดอาจพลาดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปิดการเทรด
ทำไมการออกเทรดถึงสำคัญ
สมมติว่าสถานการณ์ทั้งหมดสอดคล้องกัน และคุณได้เปิดการเทรดซึ่งทำงานได้ดี — ราคากำลังไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ และคุณคาดหวังว่ามันจะไปถึงเป้าหมายผลลัพธ์ที่คาดหวังของคุณในไม่ช้า แต่เมื่อมันไปถึง 20% ของเป้าหมายของคุณ คุณลังเลที่จะปิดเทรด คาดหวังผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้ มีอะไรผิดปกติ
☝️
อีกตัวอย่างคือเมื่อนักเทรดยังเปิดดีลที่สูญเสียต่อไป แทนที่จะยอมรับความสูญเสียและก้าวต่อไป บ่อยครั้งนักเทรดกำหนด Stop Loss จากนั้นนำมันออกไป หวังว่าราคาจะย้อนกลับ พวกเขารอ จนเทรดสูญเสียมากขึ้น จนกระทั้งนักเทรดไม่เหลือยอดเงินในบัญชี ความกลัวที่จะสูญเสียเงินลงทุนบางส่วนอาจเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมนักเทรดท้ายที่สุดแล้วก็ยังสูญเสียเงินทั้งหมด
นี่คือเหตุผลว่าทำไมการทำตามแผนออกดีลคือสิ่งสำคัญ มันจะปกป้องคุณจากตัวเอง และอาจช่วยคุณจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูวิธีที่เป็นไปได้ในการปิดการเทรดในเวลาที่เหมาะสมกัน
1. Stop Loss และ Take Profit
2 ระดับนี้คือเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ Stop Loss ถูกกำหนดเพื่อทำให้เทรดดำเนินต่อไป เว้นแต่ว่ามันถึงจำนวนสูญเสียที่นักเทรดพิจารณาว่ายอมรับได้สำหรับพวกเขา วิธีนี้ทำให้นักเทรดสามารถจัดการความสูญเสียและพยายามควบคุมกระแสเงินทุนของพวกเขาได้ คล้ายกันนี้ Take Profit ทำให้นักเทรดสามารถกำหนดกำไรที่พวกเขาต้องการได้ เว้นแต่ว่ามันจะทำงาน ดีลจะยังคงเปิดต่อไป
การนำเครื่องมือเหล่านี้ไปใช้งานสามารถช่วยให้นักเทรดเข้าใจว่าเมื่อไรที่ควรออกจากเทรด อัตราส่วนที่ควรกำหนดระดับเหล่านี้ขึ้นอยู่กับนักเทรดและกลยุทธ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม นักเทรดแต่ละรายต้องเรียนรู้พื้นฐานของการใช้ Stop Loss/ Take Profit อ่านบทความอย่างละเอียดของเราเกี่ยกวับเครื่องมือเหล่านี้เพื่อเรียนรู้วิธีการใช้งาน
2. Trailing Stop-Loss
Stop Loss พร้อมการปรับแต่งนิดหน่อย Trailing Stop-Loss ทำให้นักเทรดสามารถจัดการความสูญเสียที่เป็นไปได้ของพวกเขา ขณะที่ปรับปรุงผลลัพธ์เชิงบวกที่เป็นไปได้ มันทำงานแบบนี้: นักเทรดกำหนดระดับ Stop-Loss และเปิดใช้งานฟีเจอร์ “Trailing stop” ระดับ Stop-Loss จะเคลื่อนที่โดยอัตโนมัติในกรณีที่ราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่เลือก หากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คุณไม่ต้องการ Stop-Loss จะไม่เคลื่อนไหว
สิ่งนี้ทำให้นักเทรดมีโอกาสที่จะสร้างผลลัพธ์เชิงบวกเมื่อแนวโน้มกำลังเคลื่อนที่ตามที่พวกเขาต้องการ จุดย้อนกลับของแนวโน้มที่เป็นไปได้นั้นสามารถตรวจพบได้ด้วยตัวชี้วัด เช่น จุดตัดกันค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
3. ออกตรงเวลา
แม้ว่าระดับการออกที่กำหนดไว้จะน้อยกว่า การวางแผนปิดการเทรดหลังจากระยะเวลาหนึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่นักเทรดอาจพิจารณาใช้ ตัวอย่างเช่น สามารถใช้ในสภาวะตลาดที่ไม่มีเทรนด์ หรือในกรณีที่ดีลขาดทุน แม้ว่ามันอาจจะเป็นเทคนิคที่ง่ายกว่า แต่นักเทรดก็ต้องเตรียมที่จะตัดการเทรดในเวลาที่แน่นอนที่พวกเขาตั้งขึ้นโดยไม่ต้องสงสัยใดๆ มันอาจจะง่ายเกินไปที่จะลืมเกี่ยวกับการเทรดที่กำลังดำเนินอยู่และพลาดช่วงเวลาที่เหมาะสม ดังนั้นแนวทางนี้จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์มากกว่าถ้าอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเลือกจุดออกที่เหมาะสมที่สุดตามแนวทางการเทรดของคุณ โปรดดูวิดีโอนี้
ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีใดในการออกจากดีล คุณต้องแน่ใจว่าคุณยึดมั่นในแนวทางนั้นเสมอและอย่าใช้ความคิดประเภท “อีกสักหน่อย” การไม่ปิดเทรดตรงเวลาคือหนึ่งในเหตุผลหลักที่นักเทรดสูญเสียเงินทุนของพวกเขา ยึดมั่นในกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงและจัดการความสูญเสียที่ไม่จำเป็นโดยรู้ว่าเมื่อใดควรออกจากการเทรด