ดิจิตอลออปชันเป็นการเทรดที่มีความซับซ้อนมากขึ้นและเป็นที่รู้จักน้อยกว่าไบนารีออปชัน กลไกการเทรดดิจิตอลออปชันตรงไปตรงมา เพียงแต่มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้การเทรดได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับดิจิตอลออปชันและดูประเภทต่างๆ ที่มีให้เทรดที่ IQ Option รวมถึงแนวทางการเทรด เคล็ดลับสำหรับมือใหม่หัดเทรดและกลยุทธ์
ดิจิตอลออปชันคืออะไร
ดิจิตอลออปชันเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเทรดที่รวดเร็ว มาพร้อมความซับซ้อนที่มากขึ้นและความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ดิจิตอลออปชันต่างจากผลลัพธ์แบบได้เงินหรือเสียเงินของไบนารีออปชัน ซึ่งดิจิตอลออปชันจะนำเสนอขอบเขตของผลลัพธ์ที่ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อ้างอิง การจ่ายเงินไม่ได้กำหนดคงที่ แต่จะอ้างอิงว่าเมื่อถึงเวลาหมดอายุแล้วราคาสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปไกลแค่ไหนจากราคาใช้สิทธิ์ที่เลือก ยิ่งเคลื่อนที่มาก ยิ่งได้ผลตอบแทนมาก
ไบนารีออปชันและดิจิตอลออปชัน
ลองนึกภาพว่าคุณกับเพื่อนกำลังดูการแข่งขันที่มีเดิมพันสูง เพื่อนเดิมพันผู้ชนะ ส่วนคุณกำลังเดิมพันว่าผู้แข่งขันแต่ละคนจะเร็วหรือช้ากว่ามากน้อยแค่ไหนเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน นี่คือหลักการระหว่างไบนารีออปชันเทียบกับดิจิตอลออปชัน
ไบนารีออปชันและดิจิตอลออปชันต่างก็จัดอยู่ในประเภทของอนุพันธ์ ซึ่งเป็นตราสารทางการเงินที่มีมูลค่าเชื่อมโยงกับสินทรัพย์อ้างอิง หมายความว่าการเทรดออปชันไม่ได้เป็นการครอบครองสินทรัพย์นั้นจริงๆ แต่เป็นการตัดสินใจว่าราคาจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในช่วงเวลาที่กำหนด เมื่อออปชันหมดเวลา ดีลจะปิดอัตโนมัติ และอาจได้ผลลัพธ์จากการลงทุนเป็นกำไรหรือขาดทุน
มาดูรายละเอียดว่าออปชันสองประเภทต่างกันอย่างไร
ไบนารีออปชัน | ดิจิตอลออปชัน | |
เหตุการณ์ที่กำหนดผลลัพธ์ | เฉพาะทิศทางของราคาเท่านั้น ขึ้นหรือลง | ทิศทางของราคา + ระยะห่างที่ราคาเคลื่อนที่จากราคาใช้สิทธิ์ |
ศักยภาพการทำกำไร | สูงถึง 95% | สูงถึง 900% |
เวลาหมดอายุ | ตั้งแต่ 1 นาที จนถึง 1 เดือน | 1 นาที 5 นาที 15 นาที |
ผลตอบแทนจากความเสี่ยง | ไม่มีทางสูญเสียมากกว่ายอดเงินลงทุนหรือไม่มีทางชนะมากกว่าที่กำหนดไว้ % | การขาดทุนอาจมากกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก เช่นเดียวกับกำไรที่ได้รับ |
อภิธานศัพท์ดิจิตอลออปชัน
มาทำความคุ้นเคยกับคำศัพท์สำคัญเพื่อให้เทรดดิจิตอลออปชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ราคาใช้สิทธิ์ (Strike Price)
ราคาใช้สิทธิ์ (Strike Price) เป็นระดับเป้าหมายที่ราคาปิดต้องมากกว่า (สำหรับออปชันสูงขึ้น “Higher”) หรือน้อยกว่า (สำหรับออปชันลดลง “Lower”) เพื่อให้การเทรดทำกำไรได้
ระดับราคาใช้สิทธิ์บนกราฟจะปรากฏในช่องสีขาวทางด้านขวาของหน้าจอ วางเมาส์เหนือราคาใช้สิทธิ์เพื่อดูว่าเปอร์เซ็นต์กำไรที่คาดหวังเปลี่ยนแปลงอย่างไร ยิ่งความน่าจะเป็นน้อยลงที่ราคาจะแตะระดับราคาใช้สิทธิ์ที่เลือก โอกาสทำกำไรก็ยิ่งสูงตาม
เวลาหมดอายุ
เทรดจะถูกปิดโดยอัตโนมัติตามเวลาที่เลือก ระยะเวลาของดิจิตอลออปชันที่ IQ Option จะอยู่ที่ตั้งแต่ 1 นาที ไปจนถึง 15 นาที เวลาหมดอายุจะแสดงบนกราฟเป็นเส้นสีแดง
ข้อเสนอการจ่ายเงิน
นี่คือกำไรที่จะได้รับหากคาดการณ์ได้ถูกต้อง
เปอร์เซ็นต์ความสามารถในการทำกำไรจะแตกต่างกันไปตามราคาใช้สิทธิ์และสามารถดูได้ที่ส่วนเวลาหมดอายุ
เดดไลน์การซื้อ
เส้นประสีขาวบนกราฟแสดงเวลาที่สามารถซื้อออปชันได้ ก่อนจะถึงเดดไลน์สามารถซื้อออปชันของสินทรัพย์เดียวกันได้มากเท่าที่ต้องการในทุกทิศทางและทุกระดับราคาใช้สิทธิ์
คอลออปชัน (Call Option)
เรียกอีกชื่อว่า “สูงกว่า (Higher)” หรือออปชันขาขึ้น (Bullish) คอลออปชันจะได้กำไรหากราคาปิดสูงกว่าราคาใช้สิทธิ์
พุทออปชัน (Put Option)
เรียกอีกอย่างว่า “ลดลง (Lower)” หรือออปชันขาลง (Bearish) ซึ่งจะส่งผลให้ได้กำไรหากราคาปิดต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ์
ประเภทดิจิตอลออปชันที่ IQ Option
IQ Option นำเสนอสินทรัพย์หลากหลายประเภทสำหรับดิจิตอลออปชัน รวมถึงคู่สกุลเงิน ดัชนี ทองคำ และสินทรัพย์ OTC (Over The Counter) ที่สามารถเทรดได้ในช่วงสุดสัปดาห์เมื่อตลาดอื่นๆ ปิดทำการ
- คู่สกุลเงิน
EUR/USD | EUR/JPY |
GBP/USD | GBP/JPY |
EUR/GBP | USD/CAD |
AUD/USD | AUD/CAD |
AUD/JPY | USD/CHF |
- ดัชนี ETF สินค้าโภคภัณฑ์
ดัชนีสกุลเงิน USD | US 30 |
US 500 | Gold |
US 100 |
- ออปชัน OTC
US 500 | AUS 200 |
US 100 | GER 30 |
US 30 | SP 35 |
EU 50 | JP 225 |
UK 100 | HK 33 |
FR 40 |
วิธีเทรดดิจิตอลออปชันที่ IQ Option
มาดูขั้นตอนหลักๆ ของการเปิดและปิดเทรดดิจิตอลออปชันบนแพลตฟอร์ม
1. ใส่ยอดเงินที่ต้องการลงทุนในส่วน “จำนวน” ที่ด้านขวาของหน้าจอ
2. กำหนดเวลาหมดอายุ 1 นาที 5 นาที หรือ 15 นาที
3. เลือกราคาใช้สิทธิ์จากส่วนเวลาหมดอายุ สามารถเลือกเองหรือเปิดใช้งานการเลือกราคาใช้สิทธิ์ที่ใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติ
4. วิเคราะห์การเคลื่อนที่ของราคาด้วยตัวชี้วัดและกลยุทธ์เทรดดิจิตอลออปชัน
5. เลือกทิศทางการเปลี่ยนแปลงราคา สูงกว่า (Higher) หรือลดลง (Lower) ก่อนที่กราฟจะถึงเดดไลน์การซื้อ
6. ระหว่างที่รอผลลัพธ์ สามารถเปิดดีลเพิ่มเติมได้โดยไม่ต้องรอให้เทรดแรกปิด
7. หากเทรดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ก็สามารถปิดเทรดได้เองก่อนจะถึงเวลาหมดอายุเพื่อจำกัดการขาดทุน หากต้องการขายก่อนหมดเวลาให้คลิกปุ่มขายที่มุมขวาบน หรือไปที่ส่วน “แสดงสถานะ” ที่ด้านล่างขวาแล้วเลือกออปชันที่ต้องการขาย
กลยุทธ์เทรดดิจิตอลออปชัน
ดิจิตอลออปชันและไบนารีออปชันค่อนข้างคล้ายกัน ดังนั้นกลยุทธ์ที่ชอบใช้กับไบนารีออปชันก็สามารถนำมาใช้กับดิจิตอลออปชันได้เหมือนกัน
ด้านล่างเป็นตัวอย่างกลยุทธ์เทรดดิจิตอลออปชันที่นำไปปรับใช้ได้
1. CCI + Bollinger Bands
เหมาะกับออปชัน 15 นาที กลยุทธ์นี้ใช้หามูลค่าสินทรัพย์ที่เป็นจุดยอด ทั้งจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด เพื่อหาจังหวะเข้าเทรดที่เหมาะสม
วิธีการใช้งาน
1. ไปที่ส่วน “ตัวชี้วัด” ที่อยู่ในเมนูด้านซ้ายล่าง ใช้ตัวชี้วัดสองตัวด้วยการตั้งค่าต่อไปนี้
CCI | Bollinger Band |
ช่วงเวลา : 40 ระดับซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไป : +300/-300 | ช่วงเวลา : 14 ความเบี่ยงเบน : 2 |
2. ตั้งค่ากราฟเป็นกรอบเวลา 5 นาที
3. รอให้ CCI ทะลุระดับซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
4. มองหาการยืนยันจาก Bollinger Bands สังเกตการปิดของแท่งเทียนเหนือเส้นบนหรือเส้นล่าง
5. เปิดเทรด
☝️
เลือกคอลออปชัน (Call Option) หาก CCI ทะลุระดับ -300 และแท่งเทียนปิดต่ำกว่า Bollinger Band เส้นล่าง
ในตัวอย่างด้านล่าง แท่งเทียนสีเขียวทะลุผ่าน Bollinger Band เส้นบนสำเร็จตามมาด้วยแท่งเทียนสีแดง ส่งสัญญาณให้เริ่มเปิดเทรดขาลง ในขณะเดียวกัน CCI ก็ทะลุระดับ +300 ยิ่งตอกย้ำถึงเซนติเมนต์ขาลง
2. Ehler’s Fisher Transform + Stochastic
กลยุทธ์นี้มีลักษณะคล้ายกับกลยุทธ์ก่อนหน้า ซึ่งจะหาจุดกลับตัวของแนวโน้มเพื่อเข้าเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการใช้งาน
1. ไปที่ส่วน “ตัวชี้วัด” แล้วใช้ตัวชี้วัด 2 ตัวด้วยการตั้งค่าต่อไปนี้
Ehler’s Fisher Transform | Stochastic Oscillator |
ช่วงเวลา : 10 | ช่วงเวลา K : 20 ปรับเรียบ : 3 ช่วงเวลา D : 3 |
2. ตั้งค่ากราฟเป็นกรอบเวลา 5 นาที
3. จับตาดูเส้น Fisher Transform ว่าข้ามระดับ +2000 หรือ -2000
4. หาการยืนยันจากตัวชี้วัด Stochastic สังเกตว่าเส้นตัดต่ำกว่า 20 หรือตัดเหนือ 80
5. เข้าเทรด
☝️
เลือกคอลออปชัน (Call Option) ถ้าเส้น Fisher Transform ตัดต่ำกว่า -2000 และเส้น Stochastic ตัดต่ำกว่า 20
เนื่องจากการเทรดดิจิตอลออปชันเกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ทิศทางของราคาและระยะที่ราคาเคลื่อนที่ การใช้กลยุทธ์สวิงเทรดจึงอาจเป็นประโยชน์ แม้ว่าโดยทั่วไปจะเหมาะกับกรอบเวลาที่นานกว่า แต่แนวทางนี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการวัดความผันผวนของตลาดได้อย่างแม่นยำ
เคล็ดลับเทรดดิจิตอลสำหรับมือใหม่
ยึดหลักเหตุและผล
กำไรที่อาจได้รับ 200-300% หรือมากกว่านั้น อาจเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจและยากที่จะต้านทาน จำไว้ว่า ยิ่งผลตอบแทนสูง ยิ่งมีโอกาสน้อยลงที่ราคาจะไปถึงระดับนั้นก่อนออปชันจะหมดอายุ เลือกระดับราคาใช้สิทธิ์ที่ให้ผลตอบแทนสูงต่อเมื่อการวิเคราะห์ทางเทคนิคให้สัญญาณที่ชัดเจนว่าความเสี่ยงนั้นคุ้มค่า
ทำตามแนวทางการจัดการความเสี่ยง
การจัดการความเสี่ยงมี 2 แนวทางหลักๆ ด้วยกัน
- รับความเสี่ยงได้ต่ำ (Conservative) – จำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดไม่เกิน 2% ของยอดเงินในบัญชี
- กล้าได้กล้าเสี่ยง (Aggressive) – เสี่ยง 5% ของยอดเงินที่เหลือต่อการเทรด
ทดสอบในบัญชีทดลอง
ถ้าอยากหาว่ากลยุทธ์เทรดดิจิตอลออปชันไหนใช้ได้ผล ให้ลองทดสอบด้วยกลยุทธ์นับสิบเพื่อหากลยุทธ์ที่เหมาะสม แต่ละกลยุทธ์อาจต้องลองเทรดประมาณ 20 ครั้งเพื่อทำความเข้าใจและดูว่าจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพหรือไม่
บัญชีทดลองช่วยให้สามารถทดสอบกลยุทธ์ได้โดยไม่มีความเสี่ยง เมื่อหากลยุทธ์ที่เหมาะกับเป้าหมายได้แล้ว ให้เปลี่ยนไปใช้บัญชีเทรดจริงเพื่อลองเทรดด้วยเงินจริง
สรุป
ดิจิตอลออปชันเป็นออปชันที่มีความคล้ายกับไบนารีออปชัน ซึ่งจะให้ผลลัพธ์หลากหลายกว่าและผลตอบแทนที่เป็นไปได้สูงกว่า การเข้าใจหลักการทำงานและการมีกลยุทธ์ที่ดีเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้สามารถทำกำไรได้มากถึง 900% ในเวลาเพียง 1–15 นาที