การเคลื่อนไหวของตลาดถูกกำหนดโดยพฤติกรรมของผู้ซื้อและผู้ขาย และมักจะพบรูปแบบที่คล้ายคลึงกันในกราฟ รูปแบบดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อราคาถึงระดับหนึ่ง ปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจว่าใครจะเป็นคนนำ
นักเทรดจำนวนมากพึ่งพารูปแบบกราฟเพื่อบ่งบอกถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มหรือการกลับตัว และแม้ว่าจะไม่มีวิธีใดที่สามารถทำนายพฤติกรรมของตลาดได้ 100% ตลอดเวลา แต่รูปแบบอาจมีประโยชน์มากเมื่อใช้อย่างถูกต้อง
รูปแบบแท่งเทียนคืออะไร
รูปแบบนี้คือรูปแบบของแท่งเทียนที่พบได้โดยการเชื่อมต่อจุดราคาทั่วไป เช่น จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดภายในช่วงเวลาที่กำหนด จุดที่เชื่อมต่อกันจะสร้างรูปร่างบางอย่างบนกราฟ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่านักเทรดสามารถตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของตลาดแบบใด รูปแบบมีลักษณะแตกต่างกัน บางรูปแบบจะดูซับซ้อนมากกว่าอีกแบบ
รูปแบบแท่งเทียนอาจใช้กับทุกกรอบเวลา รวมถึงการเทรดระหว่างวัน สัปดาห์ หรือแม้แต่กราฟรายเดือน ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่หนึ่งถึงสิบแท่งเทียน ขึ้นอยู่กับรูปแบบ
ตัวอย่างบางส่วนของรูปแบบ ได้แก่ Three Black Crows, Three White Soldiers, Head and Shoulders และอีกมากมาย บางครั้งรูปแบบอาจประกอบด้วยแท่งเทียนเพียงแท่งเดียวและยังคงมีความหมายที่สำคัญสำหรับตลาด ตัวอย่างเช่น รูปแบบค้อนหรือโดจิ
จุดกลับตัวของแนวโน้มและรูปแบบต่อเนื่อง
รูปแบบการเทรดมี 2 ประเภท ได้แก่ รูปแบบแท่งเทียนย้อนกลับ (Reversal Candlestick Pattern) และรูปแบบแท่งเทียนราคาทิศทางต่อเนื่อง (Continuation Candlestick Pattern) ทั้งสองแบบมีความสำคัญเท่าเทียมกันสำหรับนักเทรด
- รูปแบบราคาทิศทางต่อเนื่องจะส่งสัญญาณว่าแนวโน้มที่มีอยู่จะดำเนินต่อไปหลังจากหยุดชั่วคราว รูปแบบดังกล่าวสามารถพบได้ในแนวโน้มระยะกลาง เมื่อช่วงสั้นๆ ของความไม่แน่นอนหายไปโดยที่ราคาดำเนินต่อไปเพื่อวิ่งตามความเคลื่อนไหวก่อนหน้า
- รูปแบบการกลับตัวบ่งบอกว่าแนวโน้มที่มีอยู่กำลังสูญเสียโมเมนตัม และคาดว่าในไม่ช้าราคาจะเปลี่ยนเป็นทิศทางตรงกันข้าม ตัวอย่างเช่น แนวโน้มขาขึ้นที่หยุดชั่วคราวอาจบ่งบอกว่ามีนักเทรดจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ในสินทรัพย์ หลังจากที่หยุดชั่วคราว แนวโน้มขาลงจะเข้ามา และกลับตัวเป็นเทรนด์ขาลง
ลักษณะเฉพาะของรูปแบบกราฟ
มีสิ่งสำคัญหลายประการที่ต้องจำไว้เมื่อทำการเทรดด้วยรูปแบบแท่งเทียน
- รูปแบบจะได้รับการยืนยันเมื่อแท่งเทียนแรกหลังจากรูปแบบปิดในทิศทางที่ควรจะเป็น ทิศทางเดียวกับแนวโน้มสำหรับรูปแบบความต่อเนื่องและทิศทางตรงกันข้ามสำหรับรูปแบบการกลับตัว
- โดยปกติ ยิ่งใช้เวลาพัฒนารูปแบบนานขึ้นและการเคลื่อนไหวภายในจะมีขนาดใหญ่ขึ้น การเคลื่อนไหวที่คาดหวังก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อมันแยกออกจากรูปแบบ
- รูปแบบการเทรดอาจให้สัญญาณสำหรับทั้งการเข้าและออกดีล
- รูปแบบกราฟที่มีจำนวนแท่งเทียนน้อยอาจเหมาะกับนักเทรดระยะสั้น ในขณะที่นักลงทุนที่เน้นตลาดระยะยาวอาจได้รับประโยชน์จากรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น
รูปแบบการย้อนกลับของกราฟราคา
เมื่อนักเทรดนึกถึงการวิเคราะห์กราฟ บ่อยครั้งตัวเลือกมักเป็นตัวชี้วัด แล้วทำไมต้องสนใจรูปแบบกราฟ
ความจริงที่ว่ารูปแบบกราฟคืออีกวิธีที่เป็นประโยชน์ของการประเมินตลาด รูปแบบกราฟอาจชี้ให้เห็นความต้องการของนักลงทุนเมื่อถึงเวลาหนึ่ง และทำให้นักเทรดรู้ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด แต่เพื่อให้สามารถใช้งานรูปแบบกราฟได้อย่างอิสระ เราจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับรูปแบบการกลับตัวที่แตกต่างกันเพื่อให้สามารถจดจำได้ง่ายขึ้น
รูปแบบการกลับตัวช่วยให้นักเทรดสามารถมองเห็นแนวโน้มที่กำลังสูญเสียปริมาณ และเข้าสู่แนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่ได้อย่างทันท่วงที เราจะมาดูรูปแบบต่างๆ ของการกลับตัวของแนวโน้ม โดยเริ่มจากรูปแบบที่ง่ายไปจนถึงรูปแบบที่ยากมากขึ้น
Three Line Strike
รูปแบบแท่งเทียนที่เน้น 4 แท่งเทียน สามารถใช้งานได้บนกรอบเวลาระยะสั้น
เวอร์ชันขาลงของ Three Line Strike จะแสดงด้วยแท่งเทียนขาขึ้น 3 อัน แต่ละอันจะปิดสูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า แท่งเทียนอันที่ 4 เปิดที่ระดับเดียวกันหรือสูงกว่าอันที่ 3 แต่จะย้อนกลับและปิดต่ำกว่าแท่งเทียนอันแรกของรูปแบบ
เวอร์ชันขาขึ้นของรูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลง 3 อัน แต่ละอันปิดด้วยจุดต่ำสุดใหม่ แท่งเทียนอันสุดท้ายจะเปิดที่ระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าอันที่ 3 แต่จะย้อนกลับในทิศทางขาขึ้นและปิดสูงกว่าแท่งเทียนอันแรกของลำดับ
สิ่งที่ต้องมองหา:
- สำหรับแนวโน้มขาขึ้น: ลำดับของแท่งเทียนสีแดง 3 อัน แต่ละอันจะปิดต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า ตามด้วยแท่งเทียนสีเขียวที่แข็งแกร่งอันที่ 4 ซึ่งจะปิดเหนือแท่งเทียนอันแรกของรูปแบบ
- สำหรับแนวโน้มขาลง: แท่งเทียนสีเขียว 3 อัน จะทำจุดสูงสุดใหม่ ตามด้วยแท่งเทียนสีแดง แท่งเทียนสีแดงจะปิดต่ำกว่าแท่งเทียนอันแรกของลำดับ
Three Black Crows
รูปแบบขาขึ้นนี้เน้นแท่งเทียนที่เป็นขาลงสาม 3 อัน ซึ่งปรากฏหลังจากตลาดเป็นแนวโน้มขาขึ้น ลักษณะพิเศษคือตำแหน่งของแท่งเทียน แต่ละแท่งจะเปิดขึ้นภายในตัวแท่งของแท่งเทียนก่อนหน้า และปิดใกล้จุดต่ำสุด กราฟแท่งจะถูกวาดต่ำกว่าจุดต่ำสุด และรูปแบบอาจบอกถึงจุดกลับตัวของแนวโน้มครั้งใหญ่
สิ่งที่ต้องมองหา:
- แท่งเทียนสีแดง 3 อัน หลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง แท่งเทียนแต่ละอันจะเปิดต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า
- หากแท่งเทียนแรกของรูปแบบเริ่มสูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า อาจบอกถึงการกลับตัวที่รุนแรง
แท่งเทียนขาลง 3 อัน ตามด้วยแนวโน้มขาขึ้น เรียกว่า Three White Soldiers หลักการคล้ายกัน รูปแบบนี้สามารถส่งสัญญาณการกลับตัวของตลาดเป็นอัปไซด์
หน้าจั่วขาลง (Falling Wedge)
เส้นแนวโน้มขาลงกำลังลดลง 2 อันที่เข้าใกล้กัน รูปแบบหน้าจั่วขาลง (Falling Wedge) อาจส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น
สิ่งที่ต้องมองหา:
- เส้นแนวโน้ม 2 เส้นต้องเชื่อมต่อจุดสูงและจุดต่ำต่ำของแนวโน้มตามลำดับ
- จุดกลับตัวของแนวโน้มจะถูกยืนยันหลังจากทะลุผ่านเหนือเส้นแนวโน้มข้างบน พร้อมด้วยกราฟที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางขาขึ้น
หน้าจั่วขาขึ้น (Rising wedge)
หน้าจั่วขาขึ้น (Rising wedge) ประกอบด้วยเส้นแนวโน้ม 2 เส้นขาขึ้นที่เข้ามาใกล้กัน ราคาทะลุกรอบไปข้างล่างเป็นการยืนยันรูปแบบนี้ และอาจส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง
สิ่งที่ต้องมองหา:
- เส้นแนวโน้ม 2 เส้นต้องอยู่ที่จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแนวโน้มขาขึ้น
- การยืนยันของหน้าจั่วขาขึ้น (Rising wedge) เกิดขึ้นเมื่อมีการทะลุลงของเส้นแนวโน้มที่ต่ำกว่า
สรุป
แม้ว่าอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปที่จะแยกแยะรูปแบบการเทรดบนกราฟ แต่รูปแบบกราฟยังคงเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ของนักลงทุนที่ดี รูปแบบกราฟเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้กับตราสารใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ฟอเร็กซ์ หุ้น เงินคริปโ หรือสินทรัพย์การเทรดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบการกลับตัวที่ช่วยให้นักเทรดสามารถค้นหาสัญญาณของแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่ และตัดสินใจเข้าหรือออกได้ทันเวลา
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่ารูปแบบอาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาดเช่นเดียวกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ การใช้รูปแบบกราฟไม่เพียงแต่ต้องฝึกฝนเท่านั้น แต่ยังต้องใจเย็นและมีวินัยในตนเอง