จุดย้อนกลับของแนวโน้ม: วิธีการค้นหา

กรกฎาคม 16, 2020

< 1 นาที

การย้อนกลับของราคาคือเรื่องปกติของตลาดและการเรียนรู้วิธีเพื่อค้นหาคือสิ่งสำคัญ การมองข้ามการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มอาจเพิ่มความเสี่ยง: ดีลที่เปิดในทิศทางหนึ่งอาจขาดทุนมากขึ้นเรื่อยหากราคาย้อนกลับ มาดูว่าจุดย้อนกลับของแนวโน้มคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และเทรดได้อย่างไร

อะไรคือการย้อนกลับ

การย้อนกลับของราคาคือการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของราคา ปกติแล้ว จะอ้างอิงตามความเคลื่อนไหวของราคาโดยรวม และไม่ใช่บนช่วงเวลาสั้น (เช่น 1 – 2 แท่งเทียน) หากราคาเคลื่อนที่ขาขึ้น ที่ตามมาจะเป็นการย้อนกลับลง ในแบบเดียวกัน แนวโน้มขาลงจะตามมาด้วยการย้อนกลับขึ้น

สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือการย้อนกลับมักหมายถึงการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในกระแสราคา ที่ราคากำลังเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของตัวเอง การเปลี่ยนแปลงของราคาที่เล็กลงมาถูกเรียกว่าดึงกลับ

ความแตกต่างคือการดึงกลับไม่ได้กลายเป็นแนวโน้ม – หลังจากดึงกลับช่วงหนึ่ง ราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเริ่มต้นต่อไป

วิธีการค้นหาจุดย้อนกลับของแนวโน้ม

เมื่อทำการมองหา สิ่งจำเป็นที่ต้องนึกถึงคือกรอบเวลาของกราฟ กรอบเวลาที่แตกต่างกันเกี่ยวข้องกับนักเทรดที่แตกต่างกัน – นักเทรดเดย์ชอบที่จะดูกราฟ 24 ชั่วโมง ขณะที่กราฟ 7 วัน อาจมีค่าสำหรับนักเทรดระยะยาวมากกว่า

บนกราฟของกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า (ยกตัวอย่าง 7 วัน) จะมีดึงกลับน้อยกว่า ขณะที่กราฟกรอบเวลาสั้นกว่า (เช่น 24 ชั่วโมง) ราคาจะมีความเคลื่อนไหวเล็กๆ ขึ้นและลง และเปลี่ยนแปลงทิศทางหลายครั้ง แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาโดยรวมจากมุมมองแบบรายสัปดาห์

นี่คือตัวอย่างของกราฟ 7 วัน ของ AUD/JPY ที่มีแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน:


แต่กระนั้นกราฟรายวันสำหรับสินทรัพย์นี้ยังมีดึงกลับหลายครั้งด้วยทิศทางมุ่งหน้าลง


การเลือกกรอบเวลาการเทรดและสไตล์การเทรดคือสิ่งสำคัญเพื่อจัดลำดับและวางแผนกลยุทธ์การเทรด มันจะทำให้นักเทรดสามารถตัดสินใจได้ว่าต้องโฟกัสไปที่ดึงกลับหรือการย้อนกลับของราคา

วิธีเทรดจุดย้อนกลับของแนวโน้ม

การเทรดการย้อนกลับของราคาเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของตลาดและทำการคาดการณ์โอกาสที่เป็นไปได้เกี่ยวกับประสิทธิภาพในอนาคต

เมื่อราคาเริ่มที่จะย้อนกลับ มันยากที่จะบอกว่ามันคือการย้อนกลับหรือเพียงแค่ดึงกลับ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมนักเทรดแนวโน้ม มักออกดีลก่อนที่การย้อนกลับจะเกิดขึ้น เพื่อพยายามจัดการความสูญเสียของพวกเขา

หากต้องการมองหาการย้อนกลับ นักเทรดสามารถใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคหรือการผสมผสานของพวกเขาได้ ตัวชี้วัดที่เป็นประโยชน์บางส่วนสำหรับจุดประสงค์นี้คือออสซิลเลเตอร์ เช่น Stochastic หรือ RSI ออสซิลเลเตอร์กำหนดระดับ overbought และ oversold ของสินทรัพย์และมักถูกนำมาพิจารณาเมื่อราคาเข้าใกล้หนึ่งในระดับเหล่านั้น มันจะเปลี่ยนทิศทาง

ออสซิลเลเตอร์อาจถูกผสมกับตัวชี้วัดแนวโน้ม เช่น Moving Averages หรือ Parabolic SAR ตัวชี้วัดที่เป็นประโยชน์อีกอันหนึ่งคือ Ichimoku Cloud หนึ่งในจุดประสงค์หลักของมันคือการกำหนดจุดย้อนกลับบนกราฟ ดังนั้นจึงอาจถูกใช้ในกลยุทธ์การเทรดด้วยตัวเองหรือร่วมกับตัวชี้วัดอื่น

แพลตฟอร์มการเทรด IQ Option ยังมอบเครื่องมือกราฟิกหลายอย่าง เช่นเส้นแนวโน้มและ Fibonacci retracement ที่อาจใช้เพื่อวัดค่าว่าการดึงกลับจะไปไกลขนาดไหน

สรุป

การค้นหาจุดย้อนกลับของแนวโน้มคือเรื่องสำคัญมากสำหรับนักเทรดและมีเครื่องมือจำนวนมากที่สามารถใช้เพื่อทำแบบนั้นได้ ตอนนี้คุณเข้าใจวิธีการแยกแยะแล้ว คุณอาจลองนำความรู้นี้ไปใช้ในการเทรดประจำวันของคุณก็ได้

สิ่งถัดไปที่คุณควรเรียนรู้? หมุนวงล้อเพื่อค้นหา!

rainbow circle

การแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้า – 3 หุ้นรถยนต์ปี 2024

แบ่งปัน

บทความก่อนหน้า

การเลือกตั้งสหรัฐ 2024 – ตลาดจะตอบสนองอย่างไร
US election impact on markets
การเลือกตั้งสหรัฐ 2024 – ตลาดจะตอบสนองอย่างไร

บทความถัดไป

Alexander Elder: คำคมการเทรดจากผู้เชี่ยวชาญการเทรด 
Alexander Elder: คำคมการเทรดจากผู้เชี่ยวชาญการเทรด 

โพสต์ล่าสุด

การเลือกตั้งสหรัฐ 2024 – ตลาดจะตอบสนองอย่างไร

31.10.2024

US election impact on markets

หยุดการสูญเสียติดต่อกัน

29.10.2024

วิธีเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ IQ Option คู่มืออธิบาย 360 องศา

14.10.2024

Trading commodities on IQ Option

ซีรีส์ทีวีและเรียลลิตี้การเทรดยอดนิยม

07.10.2024

Top TV shows about trading

ขายชอร์ต – วิธีเทรดฟอเร็กซ์ในตลาดขาลง

30.09.2024

เรียนรู้วิธีเทรดด้วยกลยุทธ์ STARC Bands

27.09.2024

Trading the STARC bands strategy