ไบนารีออปชันคืออะไร
ให้คิดว่าไบนารีออปชันเป็นเหมือนการเดิมพันเงินที่มีผลลัพธ์เพียงสองแบบ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์จะสูงขึ้นหรือต่ำกว่าราคาที่กำหนดเมื่อออปชันหมดเวลา การเทรดไบนารีออปชันไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริงๆ เหมือนกับการเทรดปกติ แต่เป็นการเดิมพันกับการเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น
ฟีเจอร์สำคัญที่ทำให้ไบนารีออปชันแตกต่าง
การทำงานของไบนารีออปชันแตกต่างจากเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ
● ผลตอบแทนคงที่ – ทราบผลตอบแทนก่อนที่จะทำการเทรดจริง
● ผลลัพธ์แบบชนะจ่ายเงินแพ้ไม่จ่ายเงิน – หากชนะจะได้รับเงิน หากแพ้จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
● ระยะเวลาสั้น – ออปชันจะหมดอายุในไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมง
● ตัดสินใจง่าย – เพียงแค่เลือก “สูงกว่า” หรือ “ต่ำกว่า”
แต่อย่าสับสนระหว่างความเรียบง่ายกับความง่าย เพราะตลาดการเงินมีความซับซ้อน แม้แต่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูงก็ยังประสบปัญหากับการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง
หลักการทำงานของไบนารีออปชัน
การเดิมพันไบนารีออปชันเป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของราคาในอนาคต มาดูกันว่าขั้นตอนเทรดเป็นอย่างไร
รายละเอียดกระบวนการเทรด
ขั้นตอน 1 – เลือกสินทรัพย์
เริ่มจากเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการเทรด เช่น หุ้น สกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ หรือดัชนี สินทรัพย์ที่นิยมเทรดไบนารีออปชัน ได้แก่ EUR/USD ทองคำ หุ้น Apple หรือดัชนี S&P 500 แต่ละสินทรัพย์มีพฤติกรรมเฉพาะตัว ดังนั้นการตระหนักถึงลักษณะของสินทรัพย์จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จ
ขั้นตอน 2 – เลือกเวลาหมดอายุ
เวลาหมดอายุเป็นตัวกำหนดว่าการคาดการณ์จะถูกพิสูจน์ผลลัพธ์เมื่อไร เวลาหมดอายุจะอยู่ระหว่าง 60 วินาทีไปจนถึงไม่กี่ชั่วโมง เวลาหมดอายุที่สั้นกว่าจะให้ผลลัพธ์รวดเร็ว แต่มีความผันผวนมากกว่าเนื่องจากสัญญาณรบกวนของตลาด
ขั้นตอน 3 – เลือกทิศทาง
● ออปชัน Call – หากคาดว่าราคาจะสูงขึ้นเมื่อถึงเวลาหมดอายุ
● ออปชัน Put – หากคาดว่าราคาจะลดลงเมื่อถึงเวลาหมดอายุ
ขั้นตอน 4 – กำหนดจำนวนเงินลงทุน
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ $10 – $25 จำไว้ว่าการเทรดออปชันอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ในเทรดเดียว

กระบวนการจ่ายผลตอบแทน
หากคาดการณ์ถูกต้องจะได้รับเงินลงทุนเริ่มต้นพร้อมกับกำไรที่ตกลงไว้ หากคาดการณ์ไม่ถูกจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดในเทรดนั้น สมมติว่าเดิมพัน $100 กับคู่เงิน EUR/USD ที่มีผลตอบแทน 80% หากคาดการณ์ถูกจะได้รับเงิน $180 (เงินเริ่มต้น $100 + กำไร $80) หากคาดการณ์ผิดจะสูญเสียเงินทั้งหมด $100
ประเภทไบนารีออปชันมีอะไรบ้าง
การทำความเข้าใจประเภทออปชันจะช่วยให้สามารถเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะกับสภาวะตลาดที่แตกต่างกันได้ง่ายขึ้น
ออปชัน High/Low (ประเภทที่พบได้ทั่วไป)
การเดิมพันทำได้ง่ายมาก เพียงคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้นหรือลดลงเมื่อถึงเวลาหมดอายุเทียบกับราคาปัจจุบัน ออปชันประเภทนี้ใช้ได้ผลดีที่สุดเมื่อทำการวิเคราะห์อย่างมั่นใจแล้วว่าทิศทางของราคาจะเป็นอย่างไรต่อไป
ออปชัน Touch/No Touch
ออปชันนี้เป็นการเดิมพันว่าราคาจะแตะถึงระดับที่กำหนดก่อนถึงเวลาหมดอายุหรือไม่ ใช้ได้ผลกับช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เมื่อมองเห็นการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง แต่ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วทิศทางราคาจะไปทางไหน
ออปชันแบบช่วงราคา (Range Option)
ออปชันประเภทนี้เรียกอีกชื่อว่าออปชันขอบเขต (Boundary Option) เป็นการเดิมพันว่าราคาจะอยู่ในกรอบหรือทะลุออกนอกกรอบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ออปชันนี้เหมาะกับตลาดที่ราคาแกว่งอยู่ในกรอบ โดยมีระดับแนวรับและแนวต้านที่ชัดเจน
ออปชัน 1 นาที
ออปชันที่มีระยะเวลาสั้นมาก หมดอายุในเวลาเพียง 60 วินาที แม้ชื่อจะฟังดูน่าตื่นเต้น แต่การเคลื่อนไหวของออปชันถูกควบคุมโดยสัญญาณรบกวนของตลาด แทนที่จะเป็นการวิเคราะห์ที่ทำกำไรได้ เทรดเดอร์มืออาชีพส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงออปชันประเภทนี้
เคล็ดลับวิธีเลือกโบรกเกอร์ไบนารีออปชัน
การเลือกโบรกเกอร์มีผลอย่างมากต่อความสำเร็จในการเทรด แต่น่าเสียดายที่ธุรกิจนี้มีผู้ให้บริการที่ไม่น่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงควรหาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจ
หน่วยงานกำกับดูแลมีความสำคัญมากกว่าคำโฆษณา
ก่อนอื่นให้ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ปฏิบัติตามกฎระเบียบของหน่วยงานควบคุมหรือไม่ โบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงจะมีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission), FCA (Financial Conduct Authority) และ CFTC (Commodity Futures Trading Commission) เว็บไซต์หลายแห่งเปิดให้บริการโดยไม่มีหน่วยงานควบคุมที่เหมาะสม การเลือกโบรกเกอร์จึงควรตรวจสอบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ระบุไว้ และยืนยันให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานกำกับดูแล
ฟีเจอร์ของแพลตฟอร์มที่ควรพิจารณา
แพลตฟอร์มที่เลือกใช้ต้องมีเครื่องมือสำคัญดังต่อไปนี้
● กราฟหลายสกุลเงินเรียลไทม์
● ฟีดปฏิทินเศรษฐกิจ
● เทรดได้บนมือถือ
● มีบัญชีทดลองให้ใช้
เปรียบเทียบการจ่ายผลตอบแทน
อย่าลืมเปรียบเทียบอัตราการจ่ายผลตอบแทนของโบรกเกอร์แต่ละที่ อัตราการจ่ายผลตอบแทนยิ่งสูง ยิ่งมีโอกาสกำไรได้มาก แต่ต้องระวังอัตราผลตอบแทนของแพลตฟอร์มที่ฟังดูเกินจริง เช่น 95% ซึ่งอาจเป็นการโฆษณาที่มีเงื่อนไขแฝงอยู่
ความหลากหลายของสินทรัพย์
หาโบรกเกอร์ที่มีตัวเลือกสินทรัพย์ให้เทรดหลากหลาย
● คู่สกุลเงินหลัก (EUR/USD, GBP/USD)
● หุ้นที่มีชื่อเสียง (Apple, Google, Microsoft)
● สินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ น้ำมัน เงิน)
● ดัชนีระดับโลก (S&P 500, NASDAQ)
กลยุทธ์เทรดไบนารีออปชันที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
การเดาสุ่มไม่ทำให้การเทรดไบนารีออปชันประสบความสำเร็จ แต่ต้องมีกลยุทธ์ที่เป็นระบบที่อ้างอิงจากการวิเคราะห์ตลาด ด้านล่างเป็นกลยุทธ์บางส่วนที่ได้รับการพิสูจน์และสามารถนำไปใช้งาน
กลยุทธ์เทรดตามแนวโน้ม (Trend Following)
กลยุทธ์นี้ใช้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานในทิศทางเดียว แนวโน้มมักดำเนินต่อไปหลังเริ่มต้นขึ้น ทำให้กลยุทธ์นี้ใช้ได้ผล
ขั้นตอนการใช้กลยุทธ์
● หาแนวโน้มที่รุนแรงด้วยการใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
● ซื้อออปชัน Call เมื่อเป็นแนวโน้มขาขึ้น ซื้อออปชัน Put เมื่อเป็นแนวโน้มขาลง
● ใช้เวลาหมดอายุที่นานขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณรบกวนของตลาด
● ยืนยันแนวโน้มด้วยตัวชี้วัดปริมาณซื้อขาย
ตลาดที่ดีที่สุด – ดัชนีและคู่สกุลเงินมักวิ่งเป็นเทรนด์อย่างชัดเจนและแข็งแกร่ง
กลยุทธ์แนวรับและแนวต้าน
ระดับที่สินทรัพย์เคยกลับทิศทางมาก่อนเป็นโอกาสเทรดที่ยอดเยี่ยม จุดดังกล่าวทำหน้าที่เป็นระดับทางจิตวิทยาสำหรับผู้เข้าร่วมตลาด
ขั้นตอนการตั้งค่า
● ทำเครื่องหมายระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญบนกราฟ
● สังเกตพฤติกรรมของราคาที่ระดับเหล่านี้
● ซื้อออปชัน Put เมื่อราคาถึงระดับแนวต้าน
● ซื้อออปชัน Call เมื่อราคาถึงระดับแนวรับ
● ใช้เวลาหมดอายุปานกลาง (30 – 60 นาที)
จุดสำคัญ – รอสัญญาณปฏิเสธที่แน่นอนก่อนเข้าเทรด ราคาทะลุกรอบหลอกมักทำให้โอกาสที่มีแนวโน้มทำกำไรกลายเป็นขาดทุน
กลยุทธ์เทรดตามข่าว
รายงานข่าวเศรษฐกิจและการประกาศของบริษัทเป็นสิ่งที่สร้างความผันผวนให้ตลาดแบบทันทีทันใด เทรดเดอร์ที่ฉลาดจะทำให้ตัวเองอยู่ในจุดที่สามารถทำกำไรจากเหตุการณ์ที่ประเมินผลได้เหล่านี้
เหตุการณ์สำคัญที่ต้องจับตามอง
● การประกาศของธนาคารกลางสหรัฐฯ
● รายงานการจ้างงาน
● ประกาศผลประกอบการของบริษัท
● การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เคล็ดลับการเทรด
● ดูปฏิทินเศรษฐกิจ
● เข้าเทรดทันทีเมื่อมีการประกาศข่าว
● ใช้วันหมดอายุสั้นๆ เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวช่วงแรกๆ
● อย่าเทรดช่วงที่การเมืองมีความผันผวนสูง
ดูข้อมูลที่มีประโยชน์เพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ “กลยุทธ์เทรดยอดนิยม“
วิธีจัดการความเสี่ยงในการเทรดไบนารีออปชัน
การเทรดไบนารีออปชันให้ผลตอบแทนแบบชนะจ่ายเงินแพ้ไม่จ่ายเงิน (All or Nothing) การวางแผนการจัดการความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งจำเป็น หากไม่ได้บริหารจัดการเงินอย่างเหมาะสม ต่อให้มีระบบที่ดีแค่ไหนก็ไม่สามารถปกป้องเงินในบัญชีได้
กฎ 2%
อย่าเสี่ยงเกิน 2% ของเงินทั้งหมดในบัญชีต่อการเทรดแต่ละครั้ง กฎดังกล่าวจะช่วยรับมือกับการขาดทุนติดต่อกันเพื่อไม่ให้เงินหมดบัญชี
ตัวอย่างเช่น บัญชีมีเงินอยู่ $1,000 แต่ละเทรดจะจำกัดสูงสุดที่ $20
เทคนิคการควบคุมอารมณ์
ไบนารีออปชันเป็นการเทรดที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ เนื่องจากต้องตัดสินใจรวดเร็วและมีความเสี่ยงสูง เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อจัดการแรงกดดันทางจิตวิทยา
หลุมพรางทางอารมณ์ที่พบได้ทั่วไป
● เทรดเอาคืนจากการขาดทุน
● มั่นใจมากเกินไปหลังจากทำกำไรได้
● กลัวตกขบวน (FOMO)
● เพิ่มเงินเดิมพันเพื่อล้างการขาดทุน
แนวทางแก้ไขที่ใช้ได้ผล
● จำกัดการขาดทุนรายวันและทำตามแผนอย่างเคร่งครัด
● หยุดพักหลังจากเทรดด้วยอารมณ์
● จดบันทึกการเทรดทุกวัน
● ทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด
เทคนิคการกระจายความเสี่ยง
● กระจายเวลา – กระจายการเทรดเป็นช่วงเวลาหมดอายุที่แตกต่างกัน เพื่อลดความเสี่ยงด้านเวลา
● กระจายสินทรัพย์ – เทรดสินทรัพย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกันหลากหลายประเภท เพื่อลดผลกระทบจากบางตลาด
● กระจายกลยุทธ์ – ใช้กลยุทธ์หลายอย่างร่วมกัน เพื่อสร้างความสมดุลให้กับผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน

การวิเคราะห์ทางเทคนิคกับไบนารีออปชัน
การวิเคราะห์กราฟมีความสำคัญมากในไบนารีออปชัน เพราะต้องอาศัยความแม่นยำเรื่องเวลา ซึ่งต้องคาดการณ์ทิศทางและจังหวะเข้าเทรดให้ถูกต้อง
ตัวชี้วัดสำคัญ
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (20 และ 50 ช่วงเวลา)
สิ่งเหล่านี้จะช่วยหาทิศทางของแนวโน้ม ซื้อออปชัน Call เมื่อราคาอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่กำลังเพิ่มขึ้น ขายออปชัน Put เมื่อราคาอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่กำลังลดลง
RSI (Relative Strength Index)
ตัวชี้วัดออสซิลเลเตอร์นี้บ่งบอกว่าตลาดอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป (สูงกว่า 70) หรือขายมากเกินไป (ต่ำกว่า 30) สังเกตไดเวอร์เจนซ์ระหว่างราคาและ RSI เพื่อหาจุดกลับตัว
Bollinger Band
เส้นความผันผวนที่ช่วยแสดงให้เห็นจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของราคา เมื่อราคาแตะเส้นบนสุด เทรดเดอร์จะใช้ออปชัน Put เมื่อราคาแตะเส้นล่างสุด เทรดเดอร์จะใช้ออปชัน Call
รูปแบบกราฟที่ใช้ได้ผล
Pin Bar (พินบาร์หรือแท่งเทียนปฏิเสธ)
แท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวสะท้อนว่าราคาถูกปฏิเสธที่ระดับสำคัญ เทรดตรงข้ามกับทิศทางของแนวโน้มเพื่อหาจุดทำกำไรดีๆ ที่มีโอกาสสำเร็จสูง
สองยอดขาขึ้นและสองยอดขาลง (Double Top/Double Bottom)
รูปแบบจุดกลับตัวที่ใช้กันมานานเหล่านี้แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น สองยอดขาขึ้น (Double Top) ควรซื้อออปชัน Put หากเป็นสองยอดขาลง (Double Bottom) ควรซื้อออปชัน Call
รูปแบบราคาทะลุกรอบ (Breakout)
เมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญพร้อมมีปริมาณซื้อขายยืนยัน โมเมนตัมจะดำเนินต่อไปในทิศทางของราคาทะลุกรอบ
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ทำให้เสียเงินหมดบัญชี
การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของคนอื่นมีประโยชน์มากมาย ช่วยปกป้องไม่ให้สูญเสียเงิน และไม่ต้องเครียด เพียงแค่หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดร้ายแรงที่เทรดเดอร์มือใหม่มักทำ
ติดการเทรดมากเกินไป (Overtrading Syndrome)
ลักษณะของไบนารีออปชันเป็นสิ่งดึงดูดให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ทำการเทรดมากเกินไป จำไว้ว่าการเทรดที่มีคุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ
สัญญาณเตือน
● เทรดโดยไม่มีแบบแผนที่ชัดเจน
● เทรดเพราะเบื่อ
● เปิดเทรดเพิ่มขึ้นหลังจากขาดทุน
● ไม่ทำตามกฎที่ตั้งไว้
แนวทางแก้ไข
● กำหนดขีดจำกัดจำนวนเทรดต่อวัน
● เทรดเฉพาะจังหวะที่มีโอกาสชนะสูง
● ทำงานอดิเรกอื่นๆ นอกเหนือจากการเทรด
● ทำตามแผนการเทรดอย่างเคร่งครัด
ละเลยการบริหารจัดการเงิน
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มัวแต่สนใจกับเปอร์เซ็นต์ชนะ แต่ไม่ได้พิจารณาขนาดของสถานะว่าควรลงทุนมากน้อยแค่ไหน ความคิดผิดๆ แบบนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้สูญเสียเงินหมดบัญชี
หากมีการบริหารจัดการเงินที่ดี เทรดเดอร์จะสามารถทำกำไรได้แม้มีอัตราชนะเพียง 45% แต่ถึงจะมีอัตราชนะ 65% ก็อาจขาดทุนได้หากไม่มีการควบคุมความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
หลับหูหลับตาเชื่อ “กูรู“
เว็บไซต์เต็มไปด้วยบุคคลที่เรียกตัวเองว่ากูรู ซึ่งขายสัญญาณเทรดและระบบต่างๆ แต่ความสำเร็จในการเทรดที่แท้จริงมาจากการฝึกฝนทักษะและหาความรู้ด้วยตัวของเทรดเดอร์เอง
สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง
● การันตีว่าได้กำไรแน่นอน
● บริการขายสัญญาณราคาแพง
● ระบบเทรด “ลับ”
● ไม่ยอมแสดงหลักฐานผลเทรดจริง
จิตวิทยาการเทรดไบนารีออปชัน
หากเปรียบเทียบกับกิจกรรมทางการเงินส่วนใหญ่ การเทรดไบนารีออปชันถือเป็นบททดสอบความแข็งแกร่งด้านจิตใจระดับสูงสุด ปัจจัยทางจิตวิทยาและวิธีจัดการมักเป็นตัวกำหนดความสำเร็จระยะยาว
รับมือกับการขาดทุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
การขาดทุนจากการเทรดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนก็ตาม วิธีรับมือกับการขาดทุนเป็นสิ่งที่แยกผู้ชนะออกจากผู้แพ้
● ยอมรับการขาดทุนและเรียนรู้เป็นบทเรียน
● มองข้อผิดพลาดโดยไม่โทษตัวเอง
● อย่าจมอยู่กับเทรดเดียว ให้มองภาพรวมของผลการเทรดทั้งหมด
● อย่าพยายาม “เทรดเอาคืนตลาด”
สร้างความมั่นใจอย่างแท้จริง
● เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลองเพื่อพัฒนาทักษะ
● เริ่มต้นด้วยเงินจริงจำนวนน้อยๆ
● เพิ่มขนาดการลงทุนทีละน้อยหลังจากได้กำไรซ้ำๆ หลายครั้งเท่านั้น
● จดบันทึกสิ่งที่ใช้ได้ผล
เทรดอย่างมีวินัย
● เขียนแผนการเทรดให้ชัดเจน
● สร้างกฎเข้าเทรดและขายออกอย่างละเอียด
● ใช้การแจ้งเตือนแทนการดูกราฟตลอดเวลา
● ทบทวนผลการเทรดเป็นประจำ
วิธีสร้างแผนการเทรดไบนารีออปชัน
กลยุทธ์ที่มีวินัยเป็นสิ่งที่แยกผู้ชนะออกจากนักพนัน อ่านขั้นตอนเหล่านี้เพื่อสร้างแผนการเทรดไบนารีออปชันของตนเอง
ตั้งความคาดหวังบนพื้นฐานของความจริง
เริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายประจำเดือน
● เทรดเดอร์มือใหม่ : ผลตอบแทนต่อเดือน 5% – 10%
● เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ : ผลตอบแทนต่อเดือน 10% – 15%
จำไว้ว่า ความสม่ำเสมอมีค่ากว่าผลตอบแทนที่หวือหวา
กำหนดขีดจำกัดความเสี่ยงที่ยอมรับได้
● จำกัดปริมาณการขาดทุนรายวัน : 10% ของบัญชี
● จำกัดปริมาณขาดทุนรายสัปดาห์ : 20% ของบัญชี
หยุดพักหลังจากขาดทุนติดต่อกัน 5 ครั้ง
มีกรอบกลยุทธ์การเทรด
วิเคราะห์ตลาดประจำวัน
● ตรวจสอบเหตุการณ์บนปฏิทินเศรษฐกิจ
● ดูทิศทางแนวโน้มจากกราฟรายวัน
● กำหนดพื้นที่แนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ
● ระบุโอกาสที่มีความเป็นไปได้สูง
ขั้นตอนการเทรด
● รอจนกว่าสัญญาณจะได้รับการยืนยัน
● ประเมินอัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทน
● ยืนยันให้แน่ใจว่าเปิดสถานะตามขนาดที่กำหนด
● วางเทรดพร้อมกำหนดเวลาหมดอายุ
● บันทึกรายละเอียดการเทรดแบบเรียลไทม์
กลยุทธ์ขั้นสูงสำหรับเทรดเดอร์ขั้นสูง
เมื่อเรียนรู้พื้นฐานแล้ว กลยุทธ์ขั้นสูงเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดได้
การวิเคราะห์ความผันผวน
การเข้าใจความผันผวนของตลาดจะช่วยคาดการณ์พฤติกรรมของออปชันและแสดงให้เห็นโอกาส
กลยุทธ์เทรดช่วงที่ตลาดผันผวนสูง
● ซื้อออปชัน Touch/No Touch
● ใช้ช่วงเวลาหมดอายุสั้นๆ
● เน้นสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวตามข่าว
กลยุทธ์เทรดช่วงที่ตลาดผันผวนต่ำ
● ซื้อออปชันแบบช่วงราคา (Range Option)
● ใช้ช่วงเวลาหมดอายุยาวๆ
● เน้นสินทรัพย์นิ่งๆ ขึ้นลงไม่แรงและมีแนวโน้มชัด
การเทรดแบบอิงความสัมพันธ์
สินทรัพย์บางอย่างมีรูปแบบเคลื่อนที่เป็นแพทเทิร์นและสัมพันธ์กับสินทรัพย์ ทำให้มีโอกาสพิเศษในการทำกำไร
ความสัมพันธ์ที่พบได้ทั่วไป
● EUR/USD และ GBP/USD (เชิงบวก)
● USD/JPY และทองคำ (เชิงลบ)
● ราคาน้ำมันและหุ้นพลังงาน (เชิงบวก)
แนวทางเทรด
● ดูค่าสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ (Correlation Coefficient)
● สังเกตช่วงที่ราคาหยุดพักตัวสั้นๆ
● สวอปชี้ว่าจะเกิดคอนเวอร์เจนซ์
อ่านข้อมูลที่มีประโยชน์เพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ “กลยุทธ์เทรดออปชันยอดนิยม“
สรุปส่งท้าย
การเทรดไบนารีออปชันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการหาโอกาสทำกำไรจากตลาดการเงิน แต่ไม่ได้แปลว่าจะสามารถทำเงินได้ง่ายๆ การเทรดไบนารีออปชันต้องมีวินัย มีความรู้ที่ถูกต้อง และทุ่มเท หากรู้กลไกการทำงานของตลาดและเข้าใจจิตวิทยาการเทรดที่ช่วยให้ควบคุมอารมณ์อย่างเหมาะสม เทรดเดอร์จะสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากการเทรดไบนารีออปชันที่มีลักษณะเฉพาะเพื่อสร้างผลลัพธ์ได้ในเวลารวดเร็ว
คำถามที่พบบ่อย
คำถาม – เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำเงินจากการเทรดไบนารีออปชัน
เป็นไปได้ แต่ทำได้ยากมาก โครงสร้างความเสี่ยง/ผลตอบแทนคงที่และโบรกเกอร์มีข้อได้เปรียบทางคณิตศาสตร์ ทำให้การทำกำไรอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องยาก เทรดเดอร์ส่วนมากเทรดแล้วขาดทุนโดยเฉพาะมือใหม่
เริ่มต้นเทรดด้วยเงินที่ยอมรับได้หากขาดทุน เงินเริ่มต้นขั้นต่ำส่วนใหญ่จะเป็น 100 – 250 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากเริ่มต้นด้วยเงิน 500 – 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้ควบคุมความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นระหว่างที่เทรดไปพร้อมกับการเรียนรู้
คำถาม – กลยุทธ์ใดดีที่สุดสำหรับมือใหม่
เริ่มต้นด้วยกลยุทธ์เทรดตามแนวโน้มพร้อมเลือกใช้เวลาหมดอายุที่นานขึ้น (1 – 4 ชั่วโมง) วิธีนี้จะช่วยลดสัญญาณรบกวนของตลาด และทำให้มีเวลาวิเคราะห์เพื่อรับมือกับตลาด ในช่วงที่เพิ่งเริ่มต้นเทรดให้หลีกเลี่ยงออปชัน 60 วินาที
คำถาม – ไบนารีออปชันเป็นการพนันหรือไม่
ความแตกต่างระหว่างการเทรดและการพนันขึ้นอยู่กับแนวทางที่ใช้ การเก็งกำไรโดยไม่คิดวิเคราะห์ก็ไม่ต่างกับการพนัน หากมีการศึกษาอย่างเป็นระบบและจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพจะถือว่าเป็นการเทรด แต่ถึงอย่างไรการเทรดไบนารีออปชันก็เป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงอยู่ดี