Back
Updated: พฤศจิกายน 13, 2025

ไบนารีออปชันคืออะไรและทำงานอย่างไร

ลองนึกภาพดูว่า ในเวลาเพียงแค่ 60 วินาที คุณอาจได้เงินเพิ่มสองเท่า หรือไม่ก็สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด นั่นคือโลกที่มีการเดิมพันสูงของการเทรดไบนารีออปชัน

ไบนารีออปชันเป็นรูปแบบการลงทุนที่เทรดเดอร์คาดการณ์ว่ามูลค่าของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงภายในช่วงเวลาที่กำหนด หากคาดการณ์ถูกต้องจะได้รับผลตอบแทนคงที่ตามที่ระบุไว้ แต่หากคาดการณ์ผิดจะทำให้สูญเสียเงินลงทุน การตัดสินใจเลือกแบบ “ใช่หรือไม่” ทำให้ไบนารีออปชันเข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่หัดเทรด ซึ่งความเป็นจริงแล้วเป็นการเทรดที่รวดเร็วมากในตลาดหุ้น สกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล

ทำความเข้าใจไบนารีออปชัน

ไบนารีออปชันมีชื่อเรียกแบบนี้เพราะลักษณะการเทรดที่เป็นสองทางเลือก ซึ่งมีผลลัพธ์เพียงสองอย่าง ไม่มีทางเลือกตรงกลาง เทรดเดอร์อาจประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลง หรืออาจสูญเสียเงินที่ลงทุนก็ได้

สมมติว่าหุ้น Apple มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $150 หากเชื่อว่าราคาจะเพิ่มขึ้นมากกว่า $150 ในหนึ่งชั่วโมงถัดไป คุณจึงซื้อออปชัน Call ที่ให้ผลตอบแทน 80% โดยลงทุนไป $100 หากหุ้น Apple เพิ่มขึ้นเพียง $150.01 เมื่อหมดเวลา คุณจะได้รับเงิน $180 (เงินลงทุน $100 + กำไร $80) หากราคาหุ้น Apple ไม่ขยับขึ้นเหนือกว่าหรือลดลงต่ำกว่า $150 คุณจะสูญเสียเงินลงทุน $100

อธิบายลักษณะของไบนารีออปชัน

การลงทุนแบบเดิมต้องคาดการณ์ทิศทางและระดับการเคลื่อนไหวของราคาว่าจะขึ้นหรือลงมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่ไบนารีออปชันต้องคาดการณ์เพียงทิศทางเท่านั้น ราคาหุ้น Apple อาจเพิ่มขึ้นเป็น $150.01 หรือ $160 แต่ผลตอบแทนที่ได้รับจะยังคงเท่าเดิม

ความเรียบง่ายนี้ช่วยขจัดความซับซ้อนเกี่ยวกับการคำนวณ ไม่ต้องมาคิดว่าราคาต้องขึ้นลงเท่าไรถึงจะได้กำไร จำนวนขาดทุนขั้นต่ำและกำไรสูงสุดถูกกำหนดไว้แล้วก่อนที่จะเทรด

ประวัติและการพัฒนา

ไบนารีออปชันมีต้นกำเนิดจากออปชันเอ็กโซติก (Exotic Option) ที่สถาบันการเงินเสนอขายในยุค 1970 รายย่อยเริ่มเข้ามาเทรดได้เมื่อปี 2008 หลังจากที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (Securities and Exchange Commission หรือ SEC) ได้อนุมัติการเทรดไบนารีออปชันแบบนอกตลาดหลักทรัพย์ Over-the-Counter

การทำให้เข้าถึงได้อย่างทั่วถึง (Democratization) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ช่วยให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินที่เดิมถูกจำกัดไว้เฉพาะนักลงทุนที่เชี่ยวชาญเท่านั้น ปัจจุบันมีเทรดเดอร์รายย่อยนับล้านทั่วโลกที่กำลังเทรดในตลาดไบนารีออปชัน

ภาพรวมตลาดปัจจุบัน

ตลาดไบนารีออปชันได้เปลี่ยนแปลงไปมากนับตั้งแต่เปิดให้รายย่อยเข้ามาเทรด ความกังวลเกี่ยวกับโบรกเกอร์หลอกลวงและการทำตลาดแบบเอารัดเอาเปรียบทำให้หน่วยงานกำกับดูแลเริ่มเข้ามาควบคุมตลาดมากขึ้น

ปัจจุบันโบรกเกอร์ที่ถูกกฎหมายต้องให้บริการเทรดภายใต้การควบคุมที่เข้มงวดในเขตอำนาจศาลต่างๆ เช่น ไซปรัส ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ระเบียบข้อบังคับดังกล่าวช่วยปกป้องเทรดเดอร์ ทำให้โปร่งใสและเป็นธรรม

หลักการทำงานของไบนารีออปชัน

กลไกการคาดการณ์

การเทรดไบนารีออปชันทั้งหมดเริ่มต้นด้วยการเลือกสินทรัพย์อ้างอิงและคาดการณ์ทิศทางราคา ซึ่งสามารถเลือกเทรดสินทรัพย์ได้หลายประเภท เช่น หุ้นบริษัทชั้นนำ คู่ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโต

เทรดเดอร์ต้องคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์จะสูงขึ้นหรือลดลงเมื่อเทียบกับระดับราคาปัจจุบันเมื่อออปชันหมดเวลา การคาดการณ์เป็นพื้นฐานของการเทรดสัญญาไบนารีออปชัน

หลักการเกี่ยวกับเวลาหมดอายุ

ระยะเวลาหมดอายุของออปชันมีหลายแบบ ตั้งแต่ 60 วินาที ไปจนถึงหลายเดือน ส่วนใหญ่แล้วเทรดเดอร์รายย่อยจะเทรดออปชันที่มีระยะเวลาหมดอายุระหว่าง 5 นาที

 และสิ้นสุดวัน ระยะเวลาหมดอายุจะเป็นตัวกำหนดจุดที่สถานะจะถูกปิดและแสดงผลลัพธ์ว่าได้กำไรหรือขาดทุน

เวลาหมดอายุสั้นๆ จะให้ผลลัพธ์เร็ว แต่ต้องอาศัยการจับจังหวะเข้าให้แม่นยำ เวลาหมดอายุที่นานขึ้นเป็นการเปิดโอกาสให้ปัจจัยพื้นฐานส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคา แต่ก็ทำให้เงินลงทุนจมอยู่ในออปชันนาน

อธิบายโครงสร้างผลตอบแทน

โบรกเกอร์ไบนารีออปชันจะแจ้งเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนให้เทรดเดอร์รู้ก่อนที่จะเริ่มเทรด ผลตอบแทนทั่วไปจะอยู่ที่ 70% – 90% ของเงินลงทุนหากคาดการณ์ได้ถูกต้อง

หากลงทุน $100 ในออปชันที่ให้ผลตอบแทน 85% เทรดที่ประสบความสำเร็จจะทำให้ได้รับเงินทั้งหมด $185 (เงินลงทุน $100 + กำไร $85) หากขาดทุนจะเสียเงินลงทุน $100 ทั้งหมด

บางครั้งโบรกเกอร์อาจเสนอการคืนเงินบางส่วน (5% – 15%) สำหรับเทรดที่ขาดทุน แต่โดยทั่วไปจะให้เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหากเทรดได้กำไร

ประเภทของสินทรัพย์ที่เทรดได้

 1. คู่ฟอเร็กซ์ – คู่สกุลเงินหลัก เช่น EUR/USD, GBP/USD และ USD/JPY มีสภาพคล่องสูงและเทรดกันเยอะ การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจช่วยสร้างโอกาสเทรดอย่างต่อเนื่อง

 2. หุ้น – หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักๆ นำเสนอโอกาสเทรดที่รู้แนวทางได้ รายงานผลประกอบการและข่าวของแต่ละอุตสาหกรรมส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคา

 3. สินค้าโภคภัณฑ์ – ทองคำ เงิน น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร นำเสนอโอกาสกระจายความเสี่ยงในตลาดต่างๆ นอกเหนือตลาดการเงินดั้งเดิม ปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์และอุปทานส่งผลอย่างมากต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์

4. สกุลเงินดิจิทัล – Bitcoin, Ethereum และคริปโตอื่นๆ เปิดโอกาสให้สามารถเทรดได้ทุกวันตลอด 24 ชม. ซึ่งมาพร้อมความผันผวนสูง

อ่านบทความเรื่องวิธีเทรดสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

ตัวอย่างการเทรด

ตัวอย่าง 1 เทรดสกุลเงิน EUR/USD

EUR/USD อัตราปัจจุบัน : 1.15333

คาดการณ์ : ยูโรจะแข็งค่าขึ้น (ออปชัน Call)

เงินลงทุน : $50

เวลาหมดอายุ : 30 นาที

ผลตอบแทน : 82%

ผลลัพธ์ : EUR/USD ปิดที่ 1.15476 (เทรดได้กำไร)

ผลตอบแทน : ทั้งหมด $91 (เงินลงทุน $50 + กำไร $41)

ตัวอย่าง 2 – เทรดทองคำในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

ราคาทองคำปัจจุบัน : $3,446/ออนซ์

คาดการณ์ : ทองคำจะลดลง (ออปชัน Put)

เงินลงทุน : $75

เวลาหมดอายุ : สิ้นสุดวัน

ผลตอบแทน : 78%

ผลลัพธ์ : ทองคำปิดที่ $3,438 (ธุรกรรมสำเร็จ)

ผลตอบแทน : ทั้งหมด $133.50 (เงินลงทุน $75 + กำไร $58.50)

รูปแบบของไบนารีออปชัน

1. ออปชันสูง/ต่ำ (Call/Put) – ไบนารีออปชันที่เรียบง่ายนี้เป็นรูปแบบการเทรดออปชันของเทรดเดอร์รายย่อยที่พบได้มากที่สุด เพียงคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์เมื่อถึงเวลาหมดอายุจะสูงขึ้นหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบัน

ออปชัน Call จะทำกำไรได้เมื่อราคาของสินทรัพย์สูงกว่าราคาใช้สิทธิ์ (Strike Price) ออปชัน Put จะทำกำไรเมื่อราคาของสินทรัพย์ต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ์ หลักการที่เข้าใจง่ายทำให้การเทรดออปชันสูง/ต่ำเหมาะกับมือใหม่

2. ออปชัน One Touch – ออปชันประเภท One Touch กำหนดให้ราคาสินทรัพย์ต้องแตะระดับเป้าหมายก่อนจะถึงเวลาหมดอายุ ปกติแล้วระดับเป้าหมายจะอยู่สูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบันค่อนข้างเยอะ ออปชันประเภทนี้จึงให้ผลตอบแทนสูงกว่า (สูงสุด 500%) เพราะมีความท้าทายมากขึ้น

เหมาะกับตลาดผันผวนสูงที่คาดว่าราคาจะมีการเคลื่อนไหวขึ้นลงแรงๆ การประกาศทางเศรษฐกิจที่สำคัญมักสร้างโอกาสในการเทรดออปชัน One Touch

3. ออปชัน Boundary – การเทรดออปชัน Boundary มีผลลัพธ์สองแบบ ได้แก่ ราคาของสินทรัพย์จะอยู่ระหว่างช่วงราคาที่กำหนด (ในขอบเขต) หรือทะลุออกนอกช่วงราคาที่กำหนด (นอกขอบเขต) ก่อนถึงเวลาหมดอายุ

พฤติกรรมของราคาที่เคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์เหมาะกับออปชันในขอบเขต (In-boundary ) ส่วนออปชันนอกขอบเขต (Out-boundary) จะได้ประโยชน์จากพฤติกรรมของราคาที่เคลื่อนไหวขึ้นลงแรง เลือกออปชันให้เหมาะกับการคาดการณ์ว่าตลาดจะผันผวนแรงหรือไม่

4. ออปชัน 60 วินาที – ออปชันมีเวลาหมดอายุสั้นมาก ซึ่งจะหมดอายุหลังจากเทรดเพียงหนึ่งนาที ออปชันประเภทนี้มักเป็นที่สนใจของเทรดเดอร์ที่ชอบความตื่นเต้นและต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ออปชัน 60 วินาทีได้รับผลกระทบจากข้อมูลรบกวนของตลาดและการเคลื่อนไหวของราคาที่ผันผวน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพกับกรอบเวลาสั้นๆ แบบนี้

5. ออปชัน Ladder – ออปชัน Ladder จะแสดงราคาใช้สิทธิ์หลายระดับ พร้อมอัตราผลตอบแทนที่แตกต่างกัน การคาดการณ์ความเสี่ยงที่สูงกว่า (ราคาอยู่ห่างจากระดับปัจจุบันมากๆ) จะให้อัตราผลตอบแทนมากกว่า

โครงสร้างนี้ช่วยให้สามารถปรับอัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนอ้างอิงตามระดับความมั่นใจและมุมมองที่มีต่อตลาด การคาดการณ์แบบระมัดระวังจะได้ผลกำไรน้อยกว่า แต่มีโอกาสชนะมากกว่า

สถานการณ์ที่เหมาะกับการใช้ออปชันแต่ละประเภท

●  สูง/ต่ำ – เดย์เทรดที่มีแนวโน้มทิศทางชัดเจน

●  One Touch – ราคาทะลุกรอบหรือเหตุการณ์ข่าวที่สำคัญ

●  Boundary – มีแนวรับและแนวต้านที่กำหนดไว้แล้วในตลาดที่เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคา

●  60 วินาที – การเทรดแบบสกัลปิ้งเมื่อตลาดมีความผันผวนสูง

●  Ladder – เมื่อต้องการปรับอัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทน

ข้อดีและข้อเสียของการเทรดไบนารีออปชัน

ข้อดี

●  ง่าย – ไบนารีออปชันไม่มีประเภทคำสั่งที่ซับซ้อน รวมถึงมาร์จิ้นคอลล์ และการคำนวณขนาดสถานะ สิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่ตัดสินใจเรื่องทิศทาง จำนวนเงินที่จะลงทุน และเวลาหมดอายุ

●  ความเสี่ยงชัดเจน – การขาดทุนทั้งหมดเท่ากับเงินที่ลงทุน ซึ่งตรงข้ามกับการเทรดที่ใช้เลเวอเรจ การเทรดไบนารีออปชันจะขาดทุนเท่าเงินที่ลงทุนต่อเทรดเท่านั้น

●  ผลลัพธ์รวดเร็ว – เวลาหมดอายุที่สั้นทำให้เห็นผลลัพธ์จากการเทรดได้ทันที สามารถเทรดได้วันละหลายครั้งในสินทรัพย์หลายประเภท

●  เข้าถึงได้ – ไบนารีออปชันใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย (โดยทั่วไปอยู่ที่ $1 – $10 ต่อเทรด) ทำให้เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนไม่มากสามารถเข้าถึงได้

●  ตลาดมีความหลากหลาย – สามารถเทรดหุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์มเดียวโดยไม่ต้องเปิดหลายบัญชี

ข้อเสีย

●  ผลลัพธ์แบบชนะจ่ายเงินแพ้ไม่จ่ายเงิน (All or nothing) – ไม่เหมือนกับการเทรดแบบเดิมที่สามารถปิดสถานะได้ก่อนหมดเวลาเพื่อจำกัดความสูญเสีย ไบนารีออปชันส่วนใหญ่ต้องรอให้หมดเวลา และมีโอกาสขาดทุนสูงสุดเต็มจำนวนเงินที่ลงทุน

●  โอกาสทำกำไรจำกัด – ผลตอบแทนถูกจำกัด ไม่ว่าราคาของสินทรัพย์จะเคลื่อนที่มากกว่าที่คาดการณ์แค่ไหน ถึงแม้ราคาจะวิ่งแรงมาก กำไรที่ได้รับก็เท่าเดิม

●  ความได้เปรียบของโบรกเกอร์ – กำไรของโบรกเกอร์มาจากความแตกต่างระหว่างอัตราการจ่ายเงินและอัตราต่อรองที่แท้จริง การขาดดุลทางคณิตศาสตร์นี้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรระยะยาว

●  ปัญหาด้านหน่วยงานกำกับดูแล – หน่วยงานกำกับดูแลบางแห่งได้แบนหรือสั่งห้ามการเทรดไบนารีออปชัน เพราะลักษณะที่คล้ายการพนัน และมีช่องโหว่ในการฉ้อโกง

●  สภาพแวดล้อมที่มีความกดดันสูง – การเทรดที่รวดเร็วและเห็นผลทันใจ อาจนำไปสู่นิสัยการเทรดที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งทำให้เงินหมดบัญชีโดยไม่รู้ตัว

เปรียบเทียบกับการลงทุนแบบเดิม

การลงทุนหุ้นแบบเดิมช่วยให้มีโอกาสทำกำไรไม่จำกัดเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น กำไรที่ได้รับจากการเทรดไบนารีออปชันจะถูกจำกัดไว้ที่อัตราผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าราคาจะเคลื่อนไหวมากน้อยแค่ไหน

เจ้าของหุ้นได้รับเงินปันผลและสิทธิ์ในการโหวต ไบนารีออปชันไม่ได้เป็นเจ้าของจริง เพราะไม่ได้เป็นการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงจริงๆ

ไบนารีออปชันไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับมาร์จิ้นหรือค่าถือสถานะข้ามคืน ซึ่งเป็นต้นทุนที่ส่งผลต่อการซื้อที่ใช้เลเวอเรจในตลาดแบบเดิม โครงสร้างค่าใช้จ่ายจึงโปร่งใสและคาดการณ์ได้

การประเมินความสามารถในการทำกำไร

เทรดเดอร์รายย่อยที่ทำการเทรดไบนารีออปชันจำนวนมากมักขาดทุนในระยะยาว เพราะชอบเทรดด้วยอารมณ์ และโบรกเกอร์มีความได้เปรียบทางคณิตศาสตร์ (House Edge) ความมั่งคั่งต้องอาศัยความมีวินัยและเข้าใจตลาดเป็นอย่างดี

เทรดเดอร์มืออาชีพมองไบนารีออปชันเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งเท่านั้นและไม่ใช่แหล่งรายได้หลัก รูปแบบการเทรดที่เรียบง่ายทำให้ใช้งานสะดวกสำหรับสภาวะตลาดบางช่วง แต่ไม่ยืดหยุ่นพอที่จะนำไปใช้กับทุกสถานการณ์

คำแนะนำเกี่ยวกับหน่วยงานกำกับดูแลและความปลอดภัยในการเทรดไบนารีออปชัน

1. กฎเกณฑ์การควบคุม

หน่วยงานที่ควบคุมการเทรดไบนารีออปชันในแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน หน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปมีมาตรการที่เข้มงวดเกี่ยวกับการเทรดไบนารีออปชัน เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ในขณะที่หลายๆ ประเทศมีนโยบายที่เปิดกว้างมากกว่า

สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดแห่งยุโรป (European Securities and Markets Authority หรือ ESMA) สั่งห้ามการขายไบนารีออปชันให้กับนักลงทุนรายย่อยในปี 2018 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมืออาชีพยังสามารถเทรดไบนารีออปชันได้ภายใต้เงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจง

2. การหาโบรกเกอร์ที่ถูกกฎหมาย

โบรกเกอร์ที่มีหน่วยงานควบคุมจะเก็บเงินของลูกค้าแยกออกจากบัญชีของบริษัท การแยกบัญชีจะช่วยปกป้องเงินที่นักลงทุนฝากไว้หากสภาพทางการเงินของโบรกเกอร์มีปัญหา

แพลตฟอร์มที่ดีจะเปิดเผยราคาที่เป็นธรรมอย่างชัดเจน โดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ยินดีให้หน่วยงานกำกับดูแลตรวจสอบและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด

3. ฟีเจอร์การคุ้มครองเทรดเดอร์

ในบางเขตอำนาจศาลจะมีแผนคุ้มครองเงินฝาก เพื่อรับประกันเงินของลูกค้าให้ปลอดภัย ควรตรวจสอบข้อมูลว่าในประเทศที่โบรกเกอร์จดทะเบียนมีมาตรการคุ้มครองเงินทุนของลูกค้าอย่างไรบ้าง

บริการระงับข้อพิพาทที่เป็นอิสระจะช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างเทรดเดอร์และโบรกเกอร์ ซึ่งเป็นทางเลือกแทนกระบวนการฟ้องร้องทางกฎหมายที่มีค่าใช้จ่ายสูง

4. สัญญาณอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยง

หลีกเลี่ยงโบรกเกอร์ที่สัญญาว่าจะทำกำไรได้หรือบอกว่ามีวิธีเทรดที่ปราศจากความเสี่ยง การเทรดไบนารีออปชันมีความเสี่ยงอยู่แล้วและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ระวังการเสนอขายเชิงรุกหรือข้อเสนอโบนัสแบบจำกัดเวลาที่ต้องใช้เงินฝากจำนวนมาก โบรกเกอร์ที่ดีจริงจะให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และความสัมพันธ์ระยะยาว ไม่ใช่การฝากเงินระยะสั้น

โบรกเกอร์ที่ไม่ได้รับการควบคุมมักจำกัดการถอนเงินด้วยเงื่อนไขโบนัสที่มีความซับซ้อนหรือตรวจสอบคำขอถอนเงินล่าช้า ควรเลือกโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานกำกับดูแล แม้ว่าจะนำเสนอโบนัสน้อยกว่า

วิธีเริ่มต้นเทรดไบนารีออปชัน

1. จัดทำกลยุทธ์เทรด

ลักษณะของการเทรดไบนารีออปชันมักต้องใช้สไตล์การเทรดที่เน้นการเคลื่อนไหวของตลาดระยะสั้น ดังนั้นการฝึกทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิคจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แนวทางทั่วไปในการเทรดไบนารีออปชัน ได้แก่ การเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) หรือกลยุทธ์ราคาทะลุกรอบ (Breakout)

ไม่ว่าสไตล์การเทรดจะเป็นแบบไหน สิ่งสำคัญคือต้องดูสัญญาณยืนยันหลายตัว โดยเฉพาะจุดเข้าเทรด เทรดเดอร์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อหาแนวทางที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับตัวเอง โดยทำการทดสอบย้อนหลัง (Backtest) และการทดสอบไปข้างหน้า (Forward test) บนบัญชีทดลองก่อนที่จะเทรดจริง อย่างไรก็ตาม ความมีวินัยในการเทรดและการจัดการความเสี่ยงถือเป็นสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์ต้องคำนึงถึง

2. เลือกโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้หน่วยงานกำกับดูแล

การมีหน่วยงานกำกับดูแลจะช่วยปกป้องเงินของคุณให้ปลอดภัย และรับประกันเงื่อนไขที่ยุติธรรม ควรหาโบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุมโดยหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินที่มีชื่อเสียง เช่น CySEC, FCA หรือ ASIC

ตรวจสอบใบอนุญาตบนเว็บไซต์ของหน่วยงานกำกับดูแลว่าโบรกเกอร์ได้รับการควบคุมจริงหรือไม่ แทนที่จะเชื่อการโฆษณาของโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้จะยอมรับการตรวจสอบอย่างละเอียด และแสดงหมายเลขใบอนุญาตอย่างเปิดเผย

2. ขั้นตอนการเปิดบัญชี

การลงทะเบียนบัญชีเทรดต้องระบุข้อมูลส่วนตัวเพียงเล็กน้อย ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และข้อมูลการติดต่อ โบรกเกอร์จะดำเนินการตรวจสอบบัญชีภายใน 24 – 48 ชั่วโมงสำหรับการส่งเอกสารยืนยันตัวตนทั่วไป

เตรียมบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาลและหลักฐานยืนยันที่อยู่ (ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภคหรือสเตทเมนต์บัญชี) เพื่อใช้ยืนยันตัวตน เอกสารเหล่านี้จะช่วยให้การถอนเงินในอนาคตไม่มีความล่าช้า

3. เทรดด้วยบัญชีทดลองและบัญชีจริง

บัญชีทดลองช่วยให้สามารถทดสอบกลยุทธ์โดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินจริง เทรดบนบัญชีทดลองเพื่อทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือบนแพลตฟอร์มและหาสไตล์การเทรดที่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

เมื่อฝึกเทรดจนเชี่ยวชาญแล้วค่อยย้ายไปเทรดบนบัญชีจริงด้วยขนาดสถานะเล็กๆ ความกดดันตอนเทรดด้วยเงินจริงส่งผลต่อการตัดสินใจต่างจากตอนเทรดด้วยบัญชีทดลอง

4. พิจารณาเงินฝากเริ่มต้น

เริ่มต้นด้วยเงินที่ยอมรับการขาดทุนได้ การเทรดไบนารีออปชันมีความเสี่ยงสูง และช่วงที่เริ่มเรียนรู้มักมาพร้อมกับการขาดทุนซึ่งเป็นเรื่องปกติ

อย่าฝากเงินครั้งแรกจำนวนมาก แม้ว่าข้อเสนอโบนัสหรือโปรโมชันจะน่าสนใจมากก็ตาม ควรสร้างบัญชีด้วยกำไรที่มั่นคงแบบค่อยเป็นค่อยไป แทนที่จะเริ่มต้นด้วยเงินฝากเยอะๆ

อ่านข้อมูลที่มีประโยชน์เพิ่มเติมได้ในคู่มือเรียนรู้วิธีเทรดไบนารีออปชันฉบับสมบูรณ์

สรุปส่งท้าย

ไบนารีออปชันเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีลักษณะเฉพาะ อยู่กึ่งกลางระหว่างการลงทุนแบบเดิมและการเทรดเก็งกำไร การตัดสินใจเทรดไบนารีออปชันเป็นรูปแบบ “ใช่หรือไม่” การเข้าถึงได้ง่าย รู้ความเสี่ยงแน่นอน และได้ผลลัพธ์เร็วเป็นสิ่งที่ดึงดูดเทรดเดอร์ส่วนมาก แต่ความจริงแล้วผู้เล่นส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญเกี่ยวกับข้อได้เปรียบทางคณิตศาสตร์ของโบรกเกอร์ ข้อจำกัดด้านการกำกับดูแล และความกดดันจากการจ่ายผลตอบแทนที่เป็นแบบชนะจ่ายเงินแพ้ไม่จ่ายเงิน (All or nothing)

ความสำเร็จต้องอาศัยความมีวินัยอย่างเคร่งครัด ศึกษาตลาดให้ดี และคาดหวังการทำกำไรไม่สูงเกินไป การจะมองว่าไบนารีออปชันว่าเป็นเครื่องมือเทรดที่ถูกกฎหมายหรือการพนันเก็งกำไรขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ ความเสี่ยงที่รับได้ และสภาพแวดล้อมด้านการกำกับดูแล ผู้ที่ต้องการเทรดไบนารีออปชันต้องเรียนรู้ให้เข้าใจ ฝึกเทรดด้วยบัญชีทดลอง และเริ่มต้นเทรดกับโบรกเกอร์ที่มีหน่วยงานกำกับดูแล โดยใช้เงินที่ยอมรับการขาดทุนได้ และพร้อมเสี่ยงเงินทั้งหมด สิ่งเหล่านี้เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด

คำถามที่พบบ่อย

คำถามไบนารีออปชันทำงานอย่างไร

ไบนารีออปชันเป็นการเดิมพันง่ายๆ แบบ “ใช่หรือไม่” เกี่ยวกับทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ เพียงเลือกสินทรัพย์อ้างอิง คาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้นหรือต่ำลงกว่าระดับที่กำหนดเมื่อถึงเวลาหมดอายุ และเสี่ยงเงินลงทุนจำนวนหนึ่ง หากคาดการณ์ถูกจะได้รับผลตอบแทนคงที่ (โดยทั่วไปอยู่ที่ 70% – 90% ของเงินลงทุน) หากคาดการณ์ผิดจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด แค่ดูผลลัพธ์ว่าราคาสินทรัพย์จะมากกว่าหรือน้อยกว่าราคาใช้สิทธิ์เมื่อถึงเวลาหมดอายุ ไม่ต้องสนใจว่าราคาเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากน้อยแค่ไหน

คำถามทำเงินจากไบนารีออปชันได้อย่างไร

สามารถทำกำไรจากไบนารีออปชันด้วยการคาดการณ์ทิศทางของราคาให้ถูกบ่อยครั้งมากกว่าคาดการณ์ผิด และพิจารณาโครงสร้างผลตอบแทนที่กำหนดไว้ ซึ่งผลตอบแทนปกติอยู่ที่ 70% – 85% ดังนั้นจึงต้องเทรดให้ชนะมากกว่า 54% – 59% เพื่อให้สามารถทำกำไรได้ระยะยาว กำไรที่เกิดขึ้นมาจากการวิเคราะห์ตลาดอยู่เสมอ การจัดการความเสี่ยง และทำตามแผนการเทรดอย่างมีวินัย แต่ความได้เปรียบทางคณิตศาสตร์ที่แฝงอยู่ในระบบจ่ายผลตอบแทนทำให้ความสามารถในการทำกำไรต่อเนื่องเกิดขึ้นได้ยากสำหรับเทรดเดอร์รายย่อยส่วนใหญ่ เทรดเดอร์จึงต้องมีทักษะที่ยอดเยี่ยม และมีวินัยสูงมากจึงจะสามารถเอาชนะได้

คำถามไบนารีออปชันผิดกฎหมายหรือไม่

ไบนารีออปชันไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่หลายเขตอำนาจศาลได้สั่งห้ามหรือควบคุมการเทรดไบนารีออปชัน เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค สหภาพยุโรปห้ามโฆษณาไบนารีออปชันให้กับลูกค้ารายย่อยเมื่อปี 2018 เนื่องจากลักษณะที่เหมือนการพนัน เทรดเดอร์รายย่อยมีอัตราการขาดทุนสูง และมีโบรกเกอร์หลอกลวงจำนวนมากที่ใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก หลายประเทศจึงถือว่าไบนารีออปชันใกล้เคียงกับการพนันมากกว่าการลงทุน เพราะลักษณะผลลัพธ์แบบชนะจ่ายเงินแพ้ไม่จ่ายเงิน (All or nothing) และมีกรอบเวลาที่จำกัด ซึ่งเหมือนอาศัยดวงมากกว่าใช้ทักษะหรือการวิเคราะห์

คำถามเทรดไบนารีออปชันอย่างไรให้มีกำไร

ความสำเร็จในการเทรดไบนารีออปชันเกิดจากการควบคุมความเสี่ยง วิเคราะห์ตลาด และวินัยทางจิตวิทยา เทคนิคที่ใช้ได้ผล ได้แก่ การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่แม่นยำ เน้นเวลาหมดอายุที่นานขึ้นหากต้องใช้การวิเคราะห์ที่ละเอียด บริหารการจัดการเงินอย่างเคร่งครัด (ไม่เสี่ยงเกิด 1 % – 2% ต่อเทรด) และควบคุมอารมณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการเทรดแบบใจร้อน อย่างไรก็ตาม ความได้เปรียบที่มีอยู่ในระบบของโบรกเกอร์ ทำให้แม้แต่เทรดเดอร์มืออาชีพก็ยังมีข้อเสียเปรียบทางคณิตศาสตร์ และเทรดเดอร์รายย่อยส่วนใหญ่มักสูญเสียเงินในระยะยาว แม้จะใช้วิธีการเทรดที่แม่นยำก็ตาม

Updated พ.ย. 13, 2025

Marta Henriques