อะไรคือจำนวนเงินลงทุนที่เหมาะสม?

พฤศจิกายน 13, 2019

< 1 นาที

มาเริ่มที่ตัวอย่าง สมมิตมีนักเทรด 2 คน นักเทรด ก มีอัตราชนะ 50, กำไรเฉลี่ย $200 และขาดทุนเฉลี่ย $100 นักเทรด ข มีอัตราชนะ 75% แต่มีกำไรเฉลี่ย $100 และขาดทุนเฉลี่ย $400 มันง่ายที่จะสังเกตเห็นว่าในระยะยาวนักเทรด ก. แม้ว่าจะประสบความสำเร็จน้อยกว่าในแง่ของอัตราการชนะจะชนะ ในขณะที่นักเทรด ข. จะเสียเงิน

มันหมายความว่าอย่างไรสำหรับคุณ? ในการเทรด สิ่งสำคัญคือการไม่เสียเงินที่คุณมีมากกว่าการทำเงินเพิ่ม นักเทรด นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมนับไม่ถ้วนทุ่มเทเวลาของพวกเขาให้กับปัญหาการจัดการความเสี่ยงและสุดท้าย จบลงในสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีการแก้ไขที่ยอมรับได้โดยทั่วไป ปรากฎว่าสิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือจำนวนเงินที่คุณสามารถแบกรับได้สำหรับการสูญเสียในหนึ่งดีล

แต่จริงๆ แล้วจำนวนนี้ควรเป็นเท่าไร? คุณควรเสี่ยง $10, $100 หรือ $1000? ไม่เลย! นักเทรดมืออาชีพส่วนใหญ่เชื่อว่าจำนวนเงินที่คุณใช้ในการเทรดครั้งเดียวไม่ควรถูกกำหนดตายตัว แต่ควรเป็นเปอร์เซ็นต์ของงบประมาณการเทรดทั้งหมดของคุณ

ความคิดเห็นแตกต่างกันไปตามเปอร์เซ็นต์ที่คุณอาจต้องการเลือก บ้างบอกว่าไม่ควรเกิน 3% แต่ตามแนวทางอนุรักษ์นิยมมากที่สุด ควรน้อยเพียง 1% กฎ 1% สามารถตีความได้แตกต่างกัน – บางคนบอกว่าคุณไม่ควรจัดสรรมากกว่า 1% ของบัญชีทั้งหมดของคุณให้เป็นดีลเดียว (เนื่องจากคุณอาจสูญเสียการลงทุนทั้งหมด) คนอื่นเชื่อว่าตราบใดที่คุณสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม คุณสามารถจัดสรรเงินจำนวนเท่าใดก็ได้ แต่ปิดการเทรดทันทีที่คุณเสีย 1% ของบัญชีทั้งหมด หากวิธีการที่สองใกล้กับคุณมากขึ้น จากนั้นคุณอาจจัดสรรเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น (สูงที่สุดที่ 100%) แต่ให้ปิดดีลก่อนกำหนดทันทีที่การขาดทุนของคุณถึง 1% นี่คือที่ที่ฟังก์ชัน Stop-Loss เข้ามามีบทบาทสำคัญ

ไม่มีใครสามารถชนะได้ 100% ในการเทรด ดังนั้นแล้วสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดคือให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่สูญเสียในจำนวนที่พวกเขาไม่สามารถแบกรับได้ เมื่อใช้ ‘กฎ 1%’ คุณจะต้องสูญเสียเงินจำนวนมากให้กับดีลติดต่อกันเพื่อที่จะทำให้เงินหมดบัญชีของคุณ ทำให้คุณมีที่ว่างมากพอสำหรับข้อผิดพลาด

แต่มันเป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้รับผลตอบแทนจากเทรดเมื่อคุณจัดสรรเพียง 1% ของเงินทุนการเทรดของคุณให้กับดีลเดียว? นักเทรดมืออาชีพส่วนมากเชื่อว่าคำตอบนั้นคือ ใช่ โดยการเสี่ยงน้อยลงและชนะน้อยลงทำให้กลยุทธ์การเทรดของคุณสอดคล้องกันและ ดังนั้น สามารถเปลี่ยนจากการชนะ/แพ้แบบสุ่มอย่างต่อเนื่องมาเป็นผลลัพธ์ที่ให้ผลตอบแทนน้อยลงแต่มีความมั่นคงมากขึ้นได้

สิ่งถัดไปที่คุณควรเรียนรู้? หมุนวงล้อเพื่อค้นหา!

rainbow circle

กฎเหล็กในการเทรด: ความสัมพันธ์เชิงบวก (Positive Correlation)

แบ่งปัน

บทความก่อนหน้า

7 หุ้น AI ติดท็อปน่าเทรดปี 2025
7 หุ้น AI ติดท็อปน่าเทรดปี 2025

บทความถัดไป

กลยุทธ์ Straddle — ไม่ต้องสนใจทิศทางแนวโน้ม
กลยุทธ์ Straddle — ไม่ต้องสนใจทิศทางแนวโน้ม

โพสต์ล่าสุด

7 หุ้น AI ติดท็อปน่าเทรดปี 2025

10.03.2025

วิธีกระจายความเสี่ยงด้วยการเทรด ETF

03.03.2025

Diversify Your Trading with ETFs

เคลื่อนไหวเร็ว ได้ผลลัพธ์ไว – คู่มือเทรดหุ้นระยะสั้น

24.02.2025

Short-term stock-trading

เช็คลิสต์กิจวัตรการเทรด ทำทุกอย่างให้เป็นระบบ

17.02.2025

Effective trading routine

มองหาแนวโน้มที่แข็งแรงด้วยรูปแบบเทรนด์ต่อเนื่อง (Trend Continuation)

10.02.2025

Continuation patterns for trading

Detrended Price Oscillator (DPO) ตัวชี้วัดที่ไม่สนใจแนวโน้ม

31.01.2025

Detrended Price Oscillator