Bollinger Band เป็นตัวชี้วัดการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่สามารถทำนายพฤติกรรมในอนาคตของกราฟราคา
Bollinger Band คืออะไร
Bollinger Band ประกอบด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และเส้นขอบอีก 2 เส้น เส้นขอบจะเป็นค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ที่อยู่ห่างจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ยิ่งมีความผันผวนของราคาสูง เส้นขอบยิ่งอยู่ห่างจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
กล่าวได้ว่าค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ใหญ่กว่าจะยิ่งทำให้ช่วงราคาของสินทรัพย์อ้างอิงกว้างขึ้นสำหรับช่วงเวลาที่กำหนด การวัดว่าราคาสามารถเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ยได้ไกลแค่ไหนจะมีประโยชน์เมื่อพยายามทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
มันทำงานอย่างไร?
ตามที่ระบุไว้ข้างต้น ตัวชี้วัดนี้ประกอบด้วย 3 เส้น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) และ 2 ช่องทางราคาที่อยู่ด้านบนกับด้านล่าง ช่องทางราคาจะกว้างขึ้นเมื่อมีความผันผวนสูงและช่วงที่ตลาดขนานในแนวระนาบ สำหรับนักลงทุน ความผันผวนมีความสำคัญเท่ากับทิศทางแนวโน้มและความแข็งแกร่งของแนวโน้ม ตลาดที่ผันผวนช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรด
หากคุณต้องการใช้ Bollinger Band ในการเทรด สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจแนวคิดพื้นฐานว่า เมื่อระดับราคาเพิ่มขึ้น/ลดลงมากเกินไป ราคาจะเด้งกลับ ช่วงเวลาของความผันผวนต่ำมักตามมาด้วยการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างรุนแรง ซึ่งสามารถคาดการณ์ได้ด้วย Bollinger Band นักเทรดสามารถใช้ข้อมูลทั้งหมดข้างต้นเพื่อกำหนดจุดเข้าที่เหมาะสม
วิธีการตั้งค่า
การตั้งค่า Bollinger Bands บนแพลตฟอร์ม IQ Option ทำได้ง่าย
คลิกปุ่ม “ตัวชี้วัด” ที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอ และเลือก “Bollinger Band” จากรายการตัวชี้วัดที่มีอยู่
2. จากนั้นคลิก“ นำไปใช้” หากคุณต้องการใช้ร่วมกับการตั้งค่าที่แนะนำ หรือไปที่แท็บ “ตั้งค่าและนำไปใช้” เพื่อปรับระยะเวลาและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
3. พร้อมใช้งานตัวชี้วัดแล้ว!
วิธีนำไปใช้ในการเทรด
หากต้องการใช้ Bollinger Band อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการเดย์เทรด นักเทรดจำเป็นต้องเข้าใจลักษณะพื้นฐานของความผันผวนราคา และการประยุกต์ใช้ในการเทรด
โดยทั่วไปช่วงเวลาที่มีความผันผวนต่ำจะถูกรวมเข้ากับช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูง ในช่วงขาลง ราคามักจะผันผวนระหว่างเส้นขอบล่าง (Lower Band) และเส้นค่าเฉลี่ย ในช่วงขาขึ้น ราคาจะอยู่ระหว่างเส้นขอบบนและเส้นขอบกลาง (Middle Band)
ยิ่งตลาดอยู่ได้นาน โอกาสที่จะเพิ่มความผันผวนก็ยิ่งสูงขึ้น Bollinger Bands เหมาะสำหรับการระบุโมเมนตัมเหล่านี้ เมื่อใช้ตัวชี้วัดนี้ นักเทรดสามารถคาดการณ์ความผันผวนในอนาคต กำหนดตำแหน่ง Overbought/Oversold และสามารถเปิดดีลในช่วงเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอคือไม่มีตัวชี้วัดใดถูกต้อง 100% ตัวชี้วัดทั้งหมดสามารถให้สัญญาณหลอกได้
เมื่อสินทรัพย์ออกจากช่วงราคา“ ปกติ” นักเทรดที่ไม่ชอบความเสี่ยงส่วนใหญ่จะหยุดการเปิดดีลใหม่ และรอให้ตลาดกลับมาเสถียรอีกครั้ง
ฟีเจอร์พิเศษ
สัญญาณการบีบตัว (Squeeze)
สถานการณ์ที่เส้นขอบราคาแคบเรียกว่าการบีบตัว ช่วงเวลาดังกล่าวบ่งชี้ถึงความผันผวนต่ำในปัจจุบัน และมีโอกาสเกิดความผันผวนสูงในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดไม่ได้ให้ข้อมูลแก่นักเทรดในช่วงเวลาที่เจาะจงเมื่อคาดว่าความผันผวนเพิ่มขึ้น นักเทรดมักมีการซื้อขายน้อยระหว่างการบีบตัว
การทะลุผ่าน (Breakout)
พฤติกรรมของราคา 90% เกิดขึ้นระหว่างเส้นขอบราคา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 10% ที่เหลือเรียกว่า Breakout Breakout คือเหตุการณ์ที่การเคลื่อนไหวของราคาออกจากช่วงราคา “ปกติ” ซึ่งไม่ควรใช้เป็นสัญญาณการซื้อขาย เนื่องจากไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับแนวโน้มและทิศทางในอนาคต
การปรับใช้เมื่อเทรดจริง
Bollinger Bands สามารถแสดงความผันผวนปัจจุบัน และบางครั้งสามารถทำนายความผันผวนของตลาดที่จะเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เครื่องมือการเทรดที่เป็นสากล Bollinger เป็นตัวชี้วัดที่ควรใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการคาดการณ์ให้สูงสุด
สรุป
Bollinger Bands เป็นตัวชี้วัดมูลค่าการเรียนรู้เพื่อใช้เทรดในชีวิตจริง นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการเทรดแล้ว ยังสามารถให้สัญญาณซื้อหรือสัญญาณขายได้ทันเวลา แม้ว่าผู้เข้าร่วมตลาดส่วนใหญ่จะยังไม่รู้ทิศทางทิศทางในอนาคต