ตลาดการเงินอาจสร้างโอกาสให้กับผู้ที่สนใจและมีแนวทางมากมายให้ทางปฏิบัติ ซึ่งเป็นส่วนที่เหมือนกันมากที่สุดของการเทรดและการลงทุน ทุกคนที่จริงจังกับการเทรดต้องรู้คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า “การเทรดคืออะไร” และสามารถอธิบายการทำงานของมันได้ ในบทความนี้เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการเทรดและการลงทุน ตลอดจนสิ่งที่คล้ายกันและแตกต่างกัน
การเทรดคืออะไร
โดยคร่าวๆ การเทรดคือการซื้อขายหลักทรัพย์ (เช่น หุ้น สกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงินดิจิทัล และอื่นๆ) โดยมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย ปกตินักเทรดจะตั้งเป้าเพื่อซื้อราคาต่ำและขายราคาสูงกว่า การเทรดมักดำเนินการในกรอบเวลาที่สั้นกว่า ซึ่งไม่เหมือนกับการซื้อและถือครองของนักลงทุน
ในการวิเคราะห์ตลาด นักเทรดมักจะเลือกการวิเคราะห์ทางเทคนิคมากกว่าการวิเคราะห์ปัจจุัยพื้นฐาน เพราะให้ข้อมูลระยะสั้นมากกว่าและบางครั้งแม่นยำกว่า นักเทรดใช้ตัวชี้วัดและเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่เป็นไปได้รวมถึงการหาราคาทะลุกรอบและการวิ่งย้อนกลับ
วิธีการเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดวิธีหนึ่งคือการเทรดระหว่างวันที่มีการเปิดและปิดการเทรดภายในวันเดียวกัน หรือแม้กระทั่งภายในไม่กี่นาทีหรือไม่กี่วินาที นักเทรดที่เลือกการเดย์เทรดเป็นแนวทางหลักต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ตั้งใจ และแม่นยำ วิธีนี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เนื่องจากเป็นการเปิดปิดดีลภายในวันเดียวกัน แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกันเนื่องจากความผันผวนของสินทรัพย์ การเทรดระหว่างวันมีหลายวิธีใ ได้แก่ การเทรดแบบสกัลปิ้ง การเทรดราคาทะลุกรอบ และการเทรดจุดกลับตัว
การเทรดแบบสกัลปิ้ง(Scalping)
สกัลปิ้ง (Scalping) ทำให้นักเทรดสามารถเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กของสินทรัพย์ ในแนวทางนี้ นักเทรดมักทำการเทรดระยะสั้น 1 – 5 นาที จำนวนมาก ซึ่งเป็นการลงทุนไม่มากและอาศัยผลลัพธ์ที่เป็นบวกสะสมจากดีลหลายครั้ง แทนการเทรดมูลค่าสูงครั้งเดียว แนวทางนี้เหมาะกับนักเทรดที่ชอบการเทรดความเร็วสูง ชอบผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และรับความเสี่ยงสูงได้
การเทรดราคาทะลุกรอบ (Breakout Trading)
นักเทรดราคาทะลุกรอบอาศัยแนวรับและแนวต้านสำหรับสัญญาณเข้าและออกดีล แนวทางนี้อ้างอิงตามความคิดที่ว่าเมื่อราคาสินทรัพย์ถึงระดับแนวรับหรือแนวต้านและทะลุ แนวโน้มแข็งแกร่งและอาจมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันต่อไป โดยปกติเมื่อราคาทะลุผ่านแนวต้าน นักเทรดจะซื้อ และเมื่อราคาทะลุผ่านแนวรับ นักเทรดจะขาย
การเทรดจุดกลับตัว (Reversal Approach)
อีกวิธีของการเทรดที่อ้างอิงตามแนวรับและแนวต้านคือการเทรดจุดกลับตัว นักเทรดจะมองหาเงื่อนไขที่ราคาเด้งจากแนวรับและแนวต้านบนและกลับตัว นี่อาจเป็นสัญญาณเข้าซื้อหรือขายสถานะก็ได้ จุดกลับตัวระยะสั้นดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะสำหรับนักเทรดแบบเดย์เทรด
ข้อดีและข้อเสียของการเทรด
ในการเทรดมีหลายวิธีที่สามารถใช้งานได้ ซึ่งทั้งหมดนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การทำความเข้าใจจะช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้ว่าการเทรดนั้นเหมาะสมกับตัวเองหรือไม่
ข้อดีบางส่วนของการเทรดเมื่อเทียบกับการลงทุนระยะยาวคือกรอบเวลาที่สั้น การลงทุนน้อย และโอกาสเข้าเทรดที่มากกว่าการเทรดเป็นที่ชื่นชอบสำหรับผู้ที่ไม่มีเงินลงทุนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังให้ความยืดหยุ่น ความเป็นไปได้ในการเทรดสินทรัพย์ที่แตกต่างกันในคราวเดียว โดยไม่ต้องเจาะจงเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุน การเทรดจะตรงกันข้ามกับ “การใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว”
แต่การเทรดก็มีข้อเสีย การเทรดมีความเสี่ยงมากกว่า ดังนั้นต้องมีแนวทางการจัดการเงินและความเสี่ยงที่ดี ต้องมีการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการตัดสินใจที่รวดเร็วในการมองหาโอกาส อีกข้อเสียสำหรับนักเทรดบางส่วนคือการเทรดเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลามาก มันต้องใช้ความพยายามและการติดตามสภาพตลาดอย่างใกล้ชิด
การลงทุน
นักลงทุนมีเป้าหมายเหมือนกับนักเทรด นั่นก็คือ เก็งกำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายของสินทรัพย์ แต่นักลงทุนยึดติดกับกรอบเวลาที่นานกว่า นักลงทุนอาจซื้อหุ้นและถือครองไว้เป็นเวลานาน (เดือน หลายเดือน หรือหลายปี) เป็นที่น่าสังเกตว่านักลงทุนมักจะเป็นผู้ซื้อ ขณะที่นักเทรดจะเทรดทั้งสถานะ Long และสถานะ Short
ปกติแล้วนักลงทุนจะให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐาน เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในมุมมองระยะยาว นักลงทุนมักจะชอบสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในระยะยาว และพร้อมที่จะมองข้ามการขาดทุนในระยะสั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเทรดจะไม่ทำ ในขณะที่บางครั้งนักเทรดจะใช้วิธีเทรดข่าว ส่วนนักลงทุนจะให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดที่มั่นคง ไม่ใช่ความรู้สึกระยะสั้น การลงทุนยังเกี่ยวข้องกับเงินทุนเริ่มต้นจำนวนมาก เนื่องจากการสร้างพอร์ตลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดีอาจมีราคาค่อนข้างสูง หากเลือกสินทรัพย์เข้าพอร์ตอย่างเชี่ยวชาญก็อาจมีผลลัพธ์ที่ดีในอนาคต แต่ไม่ใช่วิธีการที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายและมีความเสี่ยงมากมาย
ข้อดีข้อเสียของการลงทุน
ข้อดีหลักประการหนึ่งของการลงทุนระยะยาวคือความเป็นไปได้ในการจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นักลงทุนทำดีลน้อยกว่านักเทรดและไม่ใช้เลเวอเรจ นักลงทุนยังมีแนวโน้มที่จะใช้เวลามากขึ้นเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุน การลงทุนมักไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการย่อตัวสวนทิศทางกับแนวโน้มหลักในระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนจะถือไว้เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี จากที่กล่าวมา การลงทุนไม่ได้เป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการเทรด เพราะมันทำให้เงินทุนของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง
เมื่อเปรียบเทียบกับการเทรด ข้อดีอีกอย่างที่เป็นไปได้ของการลงทุนคือเป็นแนวทางที่ไม่ต้องลงมือเอง นักลงทุนใช้เวลาเยอะเพื่อคิดเกี่ยวกับการซื้อครั้งต่อไป แต่เมื่อเสร็จสิ้น นักลงทุนจะถือสินทรัพย์ไว้จนกว่าจะถึงเวลาขาย พวกเขาไม่ได้ทำดีลหลายสิบดีลหรือหลายร้อยรายการในหนึ่งวัน
ข้อเสียของการมีส่วนร่วมในตลาดประเภทนี้คือต้นทุนที่สูงกว่า การซื้อหุ้นหรือสินทรัพย์ราคาแพงอื่นๆ จะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากซึ่งไม่เหมาะสำหรับทุกคน ข้อเสียอีกอย่างคือกรอบเวลา การลงทุนต้องใช้ความอดทนอย่างมาก และผลตอบแทนที่เป็นไปได้ขึ้นอยู่กับเงินทุนเริ่มต้นเป็นอย่างมาก
สรุป
ก่อนจะหาคำตอบว่า “การเทรดคืออะไร” สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างการเทรดและการลงทุน แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางครั้งนักลงทุนจะเทรดภายใต้กรอบเวลาระยะสั้น และบางครั้งนักเทรดก็ลงทุนในระยะยาว โดยทั่วไปทั้งสองแนวทางนี้จะตรงกันข้าม แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียและแต่ละวิธีสามารถเลือกแนวทางที่ต้องการหรือรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน