มาเริ่มกันด้วยคำถามง่ายๆ ที่ว่า สเปรดการเทรดคืออะไร ลองนึกภาพดูว่า หากไปที่ร้านรับแลกเงินจะมีเรทอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสำหรับราคารับซื้อและราคาขาย ส่วนต่างระหว่างทั้งสองเรทที่แตกต่างกันนี้เรียกว่าสเปรดตลาด ซึ่งสเปรดในแง่ของการเทรดก็ทำงานแบบเดียวกัน
คำจำกัดความของสเปรด
สเปรดเป็นส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ของสินทรัพย์ ช่องว่างนี้เป็นแหล่งรายได้ที่โบรกเกอร์ใช้ทำเงิน และยังเป็นต้นทุนที่เทรดเดอร์ต้องพิจารณา
ดังนั้นหากถามว่าสเปรดคืออะไร สามารถตอบได้ว่าสเปรดเป็นต้นทุนแฝงเล็กๆ ที่จะเกิดขึ้นกับทุกเทรด หากจ่ายราคา Ask เพื่อซื้อสินทรัพย์บางอย่างแล้วขายออกไปทันทีที่ราคา Bid ก็จะขาดทุนพอๆ กับมูลค่าของสเปรด เว้นแต่ว่าตลาดเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ให้กำไร
การเข้าใจเรื่องสเปรดในด้านการเงินเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเทรดตราสารที่ซับซ้อนอย่าง CFD ฟอเร็กซ์ และหุ้น บทบาทของสเปรดไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่ค่าธรรมเนียมแต่ยังสะท้อนให้เห็นประสิทธิภาพตลาด พฤติกรรมของเทรดเดอร์ และสภาพคล่องของระบบ
การทำงานของสเปรดการเทรด
สเปรดการเทรดคืออะไร? สเปรดการเทรดเกี่ยวกับการซื้อและขายสินทรัพย์เดียวกันหรือสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกัน โดยปกติแล้วจะทำกำไรจากช่องว่างระหว่างราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อยินดีจ่ายและราคาต่ำสุดที่ผู้ขายยอมรับ
ตัวอย่างเช่น หากกำลังเทรดหุ้นที่ราคา Bid อยู่ที่ $100 ส่วนราคา Ask อยู่ที่ $100.50 สเปรดจะเท่ากับ $0.50 หากซื้อที่ราคา Ask และขายที่ราคา Bid ทันทีจะเสียเงิน $0.50 ต้นทุนนี้สามารถชดเชยด้วยการเคลื่อนไหวของราคาที่เป็นผลดีกับการเทรด เพื่อให้เทรดสามารถทำกำไรได้

สเปรดได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย เช่น ประเภทตลาด สินทรัพย์ ปริมาณเทรด และสภาพเศรษฐกิจ สเปรดตลาดมีอยู่ตลอดเวลาและเป็นองค์ประกอบสำคัญของต้นทุนการเทรด
บทบาทสำคัญของสเปรดการเงิน
● สเปรดช่วยแสดงให้เห็นว่าสินทรัพย์นั้นซื้อง่ายขายคล่องแค่ไหน (สภาพคล่องตลาด) และตลาดราบรื่นเพียงใด
● ทำหน้าที่เป็นต้นทุนแอบแฝงที่มากับทุกการเทรด เทรดเดอร์ต้องจ่ายค่าสเปรดเสมอ
● สะท้อนอารมณ์ของตลาด สเปรดที่แคบกว่าหมายความว่าตลาดมั่นใจ สเปรดที่กว้างขึ้นหมายถึงตลาดกังวล (เซนติเมนต์ของตลาด)
● มีผลกับความเร็วและความง่ายของการจับคู่คำสั่งเทรด รวมถึงกำไรที่อาจได้รับ
● ใช้ในกลยุทธ์ขั้นสูงที่เทรดเดอร์พยายามทำกำไรจากช่องว่างราคาระหว่างสินทรัพย์ที่คล้ายกัน
● ช่วยเทรดเดอร์คาดเดาการเคลื่อนไหวระยะสั้นและแนวโน้มระยะยาว
● แสดงให้เห็นระดับราคาสำคัญที่แรงซื้อและแรงขายอาจเข้ามาในตลาด
✍️ เทรดเดอร์ที่เทรดเป็นประจำทุกวันต้องรู้ว่าสเปรดเป็นแบบคงที่หรือเปลี่ยนแปลง แพลตฟอร์มเทรดที่ใช้และประเภทบัญชีจะส่งผลกับเรื่องนี้ หากเป็นเทรดเดอร์ที่เน้นเทรดไวเพื่อทำเงินระยะสั้น (Scalper) สเปรดที่กว้างอาจทำให้กำไรหายไปเยอะ แต่หากเป็นเทรดเดอร์ที่ถือเทรดไว้นานก็ไม่ต้องกังวลเท่าไร
ปัจจัยตลาดที่ส่งผลต่อสเปรด
สเปรดได้รับผลกระทบจากสภาวะตลาด
สภาวะตลาดส่งผลต่อพฤติกรรมของสเปรด เหมือนกับสภาพอากาศที่ส่งผลต่อรูปแบบการแต่งตัว เมื่อตลาดนิ่งๆ และสามารถคาดการณ์ได้ สเปรดมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำ แต่ช่วงที่ตลาดผันผวน เช่น มีข่าวใหญ่หรือความวุ่นวายทางการเงิน สเปรดตลาดสามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะความไม่แน่นอน ทำให้ทุกคนระวังตัวมากขึ้น และนำไปสู่ต้นทุนการเทรดที่เพิ่มขึ้น
สเปรดอาจเปลี่ยนแปลงรุนแรงในช่วงเริ่มต้นตลาดหรือช่วงปิดตลาด เนื่องจากตลาดยังไม่นิ่งและไม่สามารถคาดเดาได้
ความผันผวนของตลาดและสเปรด
ความผันผวนของตลาดหมายความว่า “ราคาผันผวนในระยะสั้น” หากราคาเคลื่อนไหวรวดเร็วและรุนแรงในช่วงเวลาสั้นๆ สเปรดมักจะกว้างขึ้น นั่นเพราะว่าโบรกเกอร์ต้องการปกป้องตัวเองจากการสูญเสียเงินหากราคาเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
ดังนั้น หากมีการประกาศที่ไม่คาดคิด เช่น ธนาคารกลางเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ก็ไม่ต้องตกใจหากสเปรดจะกว้างขึ้น
ผลกระทบสภาพคล่องตลาด
สภาพคล่องตลาดหมายถึงระดับความง่ายของการซื้อหรือขายสินทรัพย์ โดยไม่ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงมากเกินไป หากมีคนหลายคนกำลังเทรด นั่นแปลว่าตลาดมีสภาพคล่องสูง และจะทำให้สเปรดแคบ
แต่หากกำลังเทรดบางอย่างที่ไม่ใช่สินทรัพย์ทั่วไปหรือไม่ได้รับความนิยม อาจมีผู้ซื้อหรือผู้ขายน้อย สเปรดจะกว้างขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนเทรดสูงขึ้นตามไปด้วย
ปัจจัยอุปสงค์และอุปทาน
อุปสงค์และอุปทานมีบทบาทสำคัญ เช่นเดียวกับการซื้อของที่ร้านขายของชำ หากทุกคนต้องการซื้อสินทรัพย์และมีไม่กี่คนต้องการขาย สเปรดอาจแคบขึ้น แต่หากตรงกันข้าม ผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ สเปรดอาจกว้างขึ้น
การเข้าใจสมดุลนี้จะช่วยให้เข้าใจกลไกความผันผวนของตลาดได้มากขึ้น
อิทธิพลของเซนติเมนต์ตลาด
เซนติเมนต์ตลาดเป็นอารมณ์ของตลาด ไม่ว่าเทรดเดอร์จะรู้สึกมั่นใจหรือกังวล เมื่อความมั่นใจสูงจะมีการเทรดกันมากขึ้นและสเปรดจะแคบลง ในกรณีที่เซนติเมนต์เป็นขาลง เทรดเดอร์จะไม่กล้าเข้าเทรด หรือรีบออกจากสถานะ ทำให้สภาพคล่องลดลง และสเปรดจะกว้างขึ้น
✍️ การเปลี่ยนแปลงสเปรดที่ขับเคลื่อนด้วยเซนติเมนต์มักพบได้ในตลาดที่มีความผันผวนรวดเร็ว เช่น คริปโต
ประเภทของสเปรด
เพื่อให้เข้าใจความหมายของสเปรดการเงินได้ดียิ่งขึ้น ขออธิบายประเภทของสเปรดดังนี้
สเปรด Bid-Ask
สเปรด Bid-Ask เป็นประเภทของสเปรดที่ใช้กันทั่วไปและเข้าใจง่าย ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างราคาที่ผู้ซื้อยินดีจ่าย (Bid) และราคาที่ผู้ขายต้องการจะขาย (Ask)
ยกตัวอย่างเช่น หากมีคนต้องการซื้อที่ราคา $9.98 และอีกคนต้องการขายที่ $10.00 สเปรดจะอยู่ที่ $0.02 นั่นคือต้นทุนที่ต้องลุ้นให้ราคาขยับขึ้น ถึงจะทำกำไรได้
สเปรดคงที่ (Fixed Spread)
สเปรดคงที่เป็นช่องว่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายที่ยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตลาด แม้ว่าตลาดจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว สเปรดก็ไม่เปลี่ยนแปลง
ข้อดีของสเปรดคงที่
● รู้ต้นทุนที่แน่นอนล่วงหน้าก่อนเข้าเทรด
● เหมาะกับช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญหรือการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว
● เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการค่าธรรมเนียมที่แน่นอน
ข้อเสียของสเปรดคงที่
● อาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงที่ตลาดสงบและเสถียร
● โบรกเกอร์บางรายอาจดำเนินการคำสั่งช้าลงเมื่อตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
สเปรดลอยตัว (ผันแปร)
สเปรดลอยตัว (Variable Spread) จะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามกิจกรรมตลาด เมื่อตลาดสงบ สเปรดมีแนวโน้มที่จะลดลง แต่ช่วงที่มีข่าวใหญ่หรือสภาพคล่องต่ำ สเปรดอาจขยับกว้างขึ้น
ข้อดีของสเปรดลอยตัว
● มักมีต้นทุนถูกกว่าในช่วงที่ตลาดสงบ
● สะท้อนให้เห็นราคาตลาดเรียลไทม์ที่แม่นยำกว่า
● ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ขั้นสูงเพราะมีความยืดหยุ่น
ข้อเสียของสเปรดลอยตัว
● ยากต่อการวางแผนต้นทุนที่แน่นอนในตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว
● อาจขยายกว้างขึ้นอย่างกะทันหันในช่วงที่มีข่าวด่วนหรือการประกาศสำคัญ
สเปรดจริงตามตลาด (Raw Spread)
Raw Spread ในทางการเงินหมายถึงราคาจริงจากตลาดโดยไม่มีมาร์กอัป โบรกเกอร์ที่นำเสนอ Raw Spread มักเรียกเก็บค่าคอมมิชชันจำนวนหนึ่งแทน ทำให้เทรดเดอร์ได้ราคาที่แคบมากๆ แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแยก
ข้อดีและข้อเสียของ Raw Spread
● ข้อดี – สเปรดแคบมากๆ ราคาดีกว่า โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีปริมาณเทรดสูง
● ข้อเสีย – จ่ายค่าคอมมิชชันแต่ละเทรด อาจไม่เหมาะกับมือใหม่
สเปรดฟอเร็กซ์
สเปรดฟอเร็กซ์คืออะไร
ในการเทรดสกุลเงิน (เช่น ยูโรกับดอลลาร์สหรัฐ) จะเห็นว่ามีราคา 2 แบบเสมอ ราคาหนึ่งสำหรับซื้อ และอีกราคาสำหรับขาย ส่วนต่างระหว่าง 2 ราคานี้เรียกว่าสเปรดฟอเร็กซ์ สเปรดฟอเร็กซ์เป็นต้นทุนเริ่มต้นที่ต้องจ่ายทุกครั้งที่เทรดสกุลเงิน
สมมติว่าคู่ EUR/USD มีราคาดังนี้
● Bid 1.1050
● Ask 1.1053
สเปรดอยู่ที่ 3 pip ซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุดสำหรับวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงิน
วิธีคำนวณสเปรดฟอเร็กซ์
สูตรคำนวณ สเปรด = ราคา Ask – ราคา Bid
ในตัวอย่างจะได้ 1.1053 – 1.1050 = 0.0003 (หรือ 3 pip)
คู่สกุลเงินที่มีสเปรดต่ำ
คู่สกุลเงินบางส่วนมีกิจกรรมเทรดมากกว่าสกุลเงินอื่น เช่น EUR/USD, USD/JPY และ GBP/USD คู่เงินเหล่านี้เรียกว่าคู่สกุลเงินหลัก และมักจะมีสเปรดต่ำ เพราะมีการเทรดบ่อย คู่สกุลเงินที่เป็นที่รู้จักน้อยมักมีสเปรดมากกว่า ทำให้ต้นทุนการเทรดเพิ่มขึ้น
การวัดสเปรดฟอเร็กซ์
สเปรดฟอเร็กซ์มักวัดค่าในหน่วย pip (ย่อมาจาก “percentage in point”) ปกติแล้ว 1 pip หมายถึงทศนิยมตำแหน่งที่สี่ของราคาสกุลเงิน ดังนั้นหากพูดว่าสเปรด 2 pip จะหมายถึง 0.0002
สเปรดคงที่กับสเปรดลอยตัวในฟอเร็กซ์
เมื่อเทรดฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์มักจะต้องเลือกระหว่างสเปรดคงที่และสเปรดลอยตัว สเปรดคงที่จะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาด สเปรดลอยตัวจะเปลี่ยนแปลงตามอุปสงค์ อุปทาน และเหตุการณ์ข่าว
● สเปรดคงที่เหมาะสำหรับการวางแผนค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
● สเปรดลอยตัวอาจมีราคาถูกกว่าในช่วงที่ตลาดนิ่ง แต่สามารถเปลี่ยนแปลงกะทันหันหากตลาดผันผวน
สเปรดที่เลือกจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์เทรด และการรับมือกับความเคลื่อนไหวของตลาด
ประเภทสินทรัพย์ในการเทรดสเปรด (CFD)
เมื่อเข้าใจความหมายของสเปรดในตลาดการเงินแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือขนาดของสเปรดอาจแตกต่างกันตามสินทรัพย์ที่กำลังเทรด
การเทรดสเปรดหุ้น
การเทรดสเปรดหุ้นเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคาระหว่างหุ้นที่เกี่ยวข้องกัน 2 ตัว เช่น หากคิดว่าบริษัท A จะมีผลประกอบการดีกว่าบริษัท B ก็สามารถซื้อ A และขาย B ไปพร้อมกัน ซึ่งไม่ได้เป็นการเดิมพันทั้งตลาด เพียงแค่เน้นส่วนต่างระหว่างหุ้น 2 ตัวที่กำลังเปลี่ยนแปลงว่าจะแคบลงหรือกว้างขึ้น
การเทรดสเปรดสินค้าโภคภัณฑ์
ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เทรดเดอร์มักใช้ Calendar Spread หมายความว่าการซื้อสัญญาฟิวเจอร์สในเดือนส่งมอบหนึ่ง และขายอีกสัญญาในเดือนอื่น เช่น ซื้อสัญญาน้ำมันเดือนมกราคม และขายสัญญาน้ำมันเดือนมีนาคม
แนวทางนี้เรียกว่า สเปรดรักษาสภาพของค่าความเสี่ยงระหว่างสินค้าอ้างอิง หรือ Inter-Commodity Spread ซึ่งเป็นประโยชน์เมื่อต้องการเทรดตามการคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานในช่วงเวลาต่างๆ ไม่ต้องคาดการณ์ว่าราคาของสินค้าโภคภัณฑ์จะขึ้นหรือลง
การเทรดสเปรดคริปโต
การเทรดสเปรดคริปโตเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาระหว่างคริปโตหรือศูนย์ซื้อขาย เนื่องจากตลาดคริปโตยังค่อนข้างใหม่และผันผวนบ่อยครั้ง สเปรดจึงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ยกตัวอย่างเช่น Bitcoin อาจมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยในศูนย์ซื้อขาย A เมื่อเทียบกับศูนย์ซื้อขาย B เทรดเดอร์จึงสามารถซื้อจากศูนย์ซื้อขายที่ถูกกว่าและขายในศูนย์ซื้อขายที่แพงกว่าเพื่อทำกำไร วิธีนี้เรียกว่าอาร์บิทราจ (Arbitrage)
การเทรดสเปรด CFD
เมื่อพูดถึงคำถามที่ว่า “สเปรดการเทรดคืออะไร คำตอบที่พบได้บ่อยหมายถึงการเทรด CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) การเทรด CFD ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง เพียงแค่เก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคา สเปรดเป็นต้นทุนหลักในการเทรด CFD ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะหากกำลังใช้โบรกเกอร์ที่ไม่มีค่าคอมมิชชัน
การเทรด CFD สามารถเทรดสินทรัพย์ได้มากมายหลายประเภท เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโต ขนาดสเปรดของตลาดขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่กำลังเทรด
● คู่ฟอเร็กซ์หลักมีแนวโน้มที่สเปรดจะแคบ
● หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์อาจมีสเปรดที่กว้างกว่าขึ้นอยู่กับข่าวหรือสภาพคล่อง
● คริปโต CFD มักมาพร้อมกับสเปรดที่กว้างที่สุดเนื่องจากความผันผวนของตลาด
✍️ เนื่องจาก CFD มีการใช้เลเวอเรจ แม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของสเปรดก็สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลลัพธ์การเทรด สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าสเปรดของสินทรัพย์แตกต่างกันอย่างไร และประเภทของบัญชีที่กำลังใช้งานอยู่
ต้นทุนสเปรดและการคำนวณ
สเปรดส่งผลต่อกำไรการเทรดได้อย่างไร
สเปรดการเทรดทำหน้าที่เป็นค่าธรรมเนียมแฝง สเปรดยิ่งกว้าง ยิ่งต้องการให้ราคาเคลื่อนไหวมากขึ้นเพื่อให้เท่าทุน เช่น หากสเปรดอยู่ที่ 5 pip ตลาดต้องเคลื่อนที่ 5 pip ไปในทิศทางที่ต้องการ จึงจะเริ่มเห็นกำไร
เรื่องนี้ต้องระวังให้ดีโดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่เปิดและปิดเทรดจำนวนมากระหว่างวัน แม้แต่สเปรดเล็กๆ ก็สามารถสะสมกลายเป็นต้นทุนที่มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
อธิบายค่าธรรมเนียมจากสเปรด
โบรกเกอร์บางแห่งอาจโฆษณาว่าค่าคอมมิชชันเป็นศูนย์ แต่ไม่ได้หมายความว่าการเทรดจะฟรีจริงๆ แต่โบรกเกอร์จะทำเงินด้วยการแฝงค่าธรรมเนียมเข้าไปในสเปรดการเทรดแทน การเทรดต้องจ่ายสเปรด เพียงแต่ไม่ได้ปรากฏให้เห็นชัดเจน
โบรกเกอร์บางแห่งอาจเรียกเก็บค่าคอมมิชชันแยกต่างหาก และนำเสนอสเปรดที่แคบกว่า แล้วแบบไหนราคาถูกกว่า? ขึ้นอยู่กับว่าเทรดบ่อยแค่ไหน และขนาดการเทรดใหญ่เพียงใด
วิธีการคำนวณสเปรด
การคำนวณสเปรดทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับตลาดที่เทรด
● เป็น Pip – ส่วนใหญ่พบได้ในฟอเร็กซ์ ซึ่งจะคำนวณจากส่วนต่างระหว่าง Bid และ Ask ที่แสดงในหน่วย pip
● เป็นดอลลาร์ – ใช้ในหุ้นหรือคริปโต แสดงสเปรดเป็นเซนต์หรือดอลลาร์
● เป็นเปอร์เซ็นต์ – พบได้ในพันธบัตรหรือผลิตภัณฑ์สินเชื่อหรือหนี้ ซึ่งจะแสดงสเปรดเป็นเปอร์เซ็นต์
การรู้วิธีคำนวณสเปรดจะช่วยให้เห็นต้นทุนที่แท้จริง และหลีกเลี่ยงเรื่องการเข้าใจผิด
ความเสี่ยงของสเปรดและการจัดการความเสี่ยง
การเข้าใจความเสี่ยงของสเปรด
ความเสี่ยงของสเปรดการเทรดคือโอกาสที่สเปรดจะเปลี่ยนไปในทางที่ทำให้เสียประโยชน์หลังจากที่เข้าเทรด เช่น อาจเปิดสถานะในช่วงที่มีสเปรดแคบ แต่ทันใดนั้นสเปรดได้กว้างขึ้น ทำให้การเทรดได้กำไรยากขึ้น
ความเสี่ยงของสเปรดที่แท้จริง
เมื่อคิดว่าสเปรดจะคงที่ แต่สเปรดกลับเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กรณีแบบนี้มักเกิดขึ้นตอนที่มีข่าวออกมาหรือช่วงที่ตลาดสงบมากๆ และมีคนไม่มากกำลังเทรด ในสถานการณ์ดังกล่าวอาจได้รับราคาแย่กว่าที่คาดไว้เมื่อเข้าเทรดหรือออกเทรด
การจัดการกับการเปิดรับความเสี่ยงของตลาด
การจัดการกับการเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหมายถึงการควบคุมว่ามีเงินที่กำลังเสี่ยงอยู่จำนวนเท่าไรในแต่ละช่วงเวลา
✍️ สามารถลดความเสี่ยงได้ดังนี้
● เทรดให้น้อยลง
● ใช้คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit
● หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่สเปรดมีแนวโน้มว่าจะกว้างขึ้น (เช่น ช่วงประกาศข่าวสำคัญ หรือช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์)
กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง
วิธีง่ายๆ แต่ได้ผลเพื่อปกป้องความเสี่ยงเกี่ยวกับสเปรด
● เทรดช่วงที่คึกคัก – สเปรดการเทรดมักแคบกว่าเมื่อตลาดกำลังคึกคัก
● หลีกเลี่ยงช่วงประกาศข่าวที่มีความผันผวนสูง เว้นแต่ว่าจะเทรดข่าวอยู่แล้ว
● เลือกเทรดสินทรัพย์หลัก – มีโอกาสที่สินทรัพย์เหล่านี้จะมีสภาพคล่องดีกว่า และสเปรดแคบกว่า
● รู้กฎของโบรกเกอร์ – โบรกเกอร์บางที่อาจเพิ่มสเปรดในบางช่วงเวลา ดังนั้นจึงต้องรู้ว่าสเปรดจะเพิ่มขึ้นเมื่อไรและเพราะเหตุใด
การดำเนินการคำสั่งเทรดและการพิจารณาแพลตฟอร์ม
ขั้นตอนการเทรด
ทุกคำสั่งเทรดที่ส่งจะได้รับการดำเนินการผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการดำเนินการคำสั่ง การดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็วและแม่นยำช่วยให้ได้รับราคาที่ต้องการ แต่หากการดำเนินการล่าช้า ราคาอาจเปลี่ยนแปลงก่อนที่เทรดจะเสร็จสิ้น และลงเอยด้วยดีลที่ขาดทุน
เรื่องนี้สำคัญมากโดยเฉพาะเมื่อสเปรดการเทรดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อมีเหตุการณ์ข่าวสำคัญ ความล่าช้าแม้เพียงเสี้ยววินาทีหมายถึงการพลาดราคาที่วางแผนเอาไว้
แพลตฟอร์มและสเปรดการเทรด
แพลตฟอร์มเทรดที่เลือกส่งผลต่อสเปรด แพลตฟอร์มบางแห่งนำเสนอสเปรดแคบพร้อมค่าคอมมิชชัน ขณะที่บางที่จะรวมค่าธรรมเนียมเข้ากับสเปรด (ไม่มีค่าคอมมิชชัน) แพลตฟอร์ม ECN ช่วยให้เข้าถึงราคาตลาดจริง แต่มักเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเล็กน้อยต่อคำสั่งเทรด
นี่คือตารางเปรียบเทียบสเปรด EUR/USD ซึ่งประกอบด้วยประเภทสเปรดและจำนวนสเปรดทั่วไปที่นำเสนอโดยโบรกเกอร์ยอดนิยม
| โบรกเกอร์/แพลตฟอร์ม | ประเภทสเปรด | สเปรด EUR/USD ทั่วไป |
| IQ Option | ลอยตัว | ~0.6 pip ที่ขั้นต่ำ |
| eToro | ลอยตัว | ~1.0 pip |
| Plus500 | ลอยตัว | ~1.3 pip |
| Exness | ลอยตัว | ~0.4–0.7 pip |
| Octa Forex | ลอยตัว | ~0.8–0.9 pip |
ประเภทคำสั่งและผลของสเปรด
การเข้าเทรดทำได้หลายวิธี
● คำสั่งตลาด (Market Order) หมายความว่าคำสั่งเทรดจะได้รับการดำเนินการตามราคาปัจจุบัน แต่ต้องจ่ายค่าสเปรดอยู่เสมอ
● คำสั่งลิมิต (Limit Order) เป็นการกำหนดราคาที่ต้องการ และอาจช่วยหลีกเลี่ยงค่าสเปรดได้หากคำสั่งถูกจับคู่
พิจารณาสไตล์การเทรด
สไตล์การเทรดของแต่ละคนเป็นสิ่งที่ส่งผลกับสเปรด หากเป็นเทรดเดอร์สกัลปิ้งที่ทำเงินจากเทรดจำนวนมากต่อวัน แม้แต่สเปรดเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลกระทบที่สำคัญ แต่หากเป็นเทรดเดอร์สายสวิงเทรดที่ถือสถานะหลายวันหรือสัปดาห์ สเปรดจะไม่ส่งผลเท่าไร
ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกับสเปรด
ลักษณะของสเปรดขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาดใช่หรือไม่?
ผลกระทบของอัตราดอกเบี้ย
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสามารถทำให้ตลาดแปรปรวน และส่งผลให้สเปรดเปลี่ยนแปลง เมื่อธนาคารกลางเพิ่มหรือลดดอกเบี้ยก็จะส่งผลต่อค่าของสกุลเงินหรือตราสารการเงิน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ดึงดูดให้เทรดเดอร์รีบเข้าสู่ตลาด ทำให้สเปรดแคบลงหรือกว้างขึ้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เทรดเดอร์จำนวนมากต้องการเทรดสกุลเงินนั้นมากขึ้น ทำให้ปริมาณการเทรดเพิ่มขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่สเปรดจะแคบลง แต่ก่อนการตัดสินใจประกาศดอกเบี้ย สเปรดอาจกว้างขึ้นเพราะความไม่แน่นอน
ผลกระทบของนโยบายทางการเงิน
นโยบายทางการเงินรวมถึงการตัดสินใจต่างๆ เช่น การพิมพ์เงินเพิ่ม การกำหนดอัตราเงินสำรอง หรือการใช้เครื่องมือ เช่น มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing หรือ QE) การดำเนินการเหล่านี้ส่งผลต่อจำนวนเงินในระบบ และระดับความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์
✍️ หากนโยบายช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและทำให้ปริมาณเทรดเพิ่มขึ้น สเปรดการเทรดอาจแคบลง แต่หากนโยบายทำให้เกิดความกลัวหรือความสับสน สเปรดอาจกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากเทรดเดอร์จะชะลอการเทรด
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและสเปรด
เหตุการณ์ข่าวสำคัญ เช่น รายงานเงินเฟ้อ ตัวเลขจ้างงาน หรือการตัดสินใจทางการเมืองจะส่งผลต่อสเปรดอย่างชัดเจน เมื่อมีประกาศข่าว ราคาอาจเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์จะรีบเข้าเทรด และโบรกเกอร์มักเพิ่มสเปรด เพื่อปกป้องตัวเองจากราคาที่สวิงแบบกะทันหัน
นั่นคือเหตุผลที่เทรดเดอร์จำนวนมากหลีกเลี่ยงการเทรดช่วงที่มีการประกาศข่าวใหญ่ รอไม่กี่นาทีก็สามารถช่วยลดต้นทุนที่ไม่คาดคิดจากสเปรดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้
✍️ ติดตามปฏิทินอยู่เสมอ การรู้ว่าเหตุการณ์สำคัญจะเกิดขึ้นเมื่อไรสามารถช่วยวางแผนเทรดได้อย่างฉลาดมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการเทรดเมื่อสเปรดไม่แน่นอน
คำถามที่พบบ่อย
สเปรดในฟอเร็กซ์อยู่ที่เท่าไรถึงจะดี?
สเปรดที่ดีในฟอเร็กซ์มักอยู่ระหว่าง 0.1 และ 2 pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY สเปรดยิ่งต่ำ ต้นทุนเทรดยิ่งน้อย ควรเลือกโบรกเกอร์ที่นำเสนอสเปรดต่ำในช่วงเวลาเทรดที่คึกคักเพื่อลดต้นทุนของการเทรด
สเปรดสูงหรือต่ำดีกว่ากัน?
สเปรดต่ำดีกว่าเพราะหมายถึงต้นทุนที่น้อยกว่า สเปรดสูงหมายความว่าต้องให้ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการมากขึ้นเพื่อให้เท่าทุนและเห็นกำไร ทำให้การเทรดเป็นเรื่องยากมากขึ้น และมีต้นทุนสูง โดยเฉพาะกับกลยุทธ์เทรดระยะสั้น
หนึ่งสเปรดในฟอเร็กซ์อยู่ที่เท่าไร?
หนึ่งสเปรดเป็นส่วนต่างระหว่างราคา Bid และ Ask เช่น หาก EUR/USD อยู่ที่ราคา 1.1000/1.1002 สเปรดคือ 2 pip หากกำลังเทรดล็อตมาตรฐานที่แต่ละ pip มีมูลค่าประมาณ $10 ดังนั้นต้นทุนของเทรดนั้นจะเป็น $20
สเปรดส่งผลกับกำไรฟอเร็กซ์อย่างไร?
ต้องให้ตลาดเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการอย่างน้อยเท่ากับขนาดของสเปรดถึงจะเริ่มต้นทำเงินได้ สเปรดยิ่งมาก ยิ่งยากที่จะทำกำไรได้เร็ว
สิ่งที่ทำให้สเปรดกว้างขึ้น?
● ความไม่แน่นอนของตลาดหรือข่าวด่วน
● สภาพคล่องต่ำ (มีผู้ซื้อหรือผู้ขายไม่มาก)
● ชั่วโมงหลังตลาดปิด เช่น กลางคืนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์
● เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือประกาศข่าว
โบรกเกอร์ทำให้สเปรดกว้างขึ้นเพื่อจัดการกับความเสี่ยงเมื่อตลาดมีสภาวะไม่แน่นอน
จัดการกับการเปิดรับความเสี่ยงของตลาดในการเทรดสเปรดได้อย่างไร?
การจัดการความเสี่ยงหมายถึงการควบคุมว่าจะเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนในแต่ละเทรด แนวทางที่ดีในการจัดการกับความเสี่ยงมีดังนี้
● กำหนด Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนที่เป็นไปได้
● ใช้ขนาดคำสั่งที่เล็กลง
● หลีกเลี่ยงการเทรดมากเกินไป
● อยู่ห่างจากตลาดที่ผันผวนเมื่อสเปรดไม่แน่นอน