5 เครื่องมือจัดการความเสี่ยงและเคล็ดลับสำหรับนักเทรด

กรกฎาคม 5, 2024

2 นาที

นักเทรดมือใหม่มักคิดว่าการทำกำไรให้ได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่นักเทรดที่มีประสบการณ์ต่างรู้ดีว่าการขาดทุนเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงจึงเป็นแนวทางที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียเงิน

มาดู 5 เครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่สำคัญที่นักเทรดทุกคนนำไปใช้ได้

1. Stop Loss – เงินปลอดภัยมั่นใจได้

คำสั่งหยุดการขาดทุน (Stop Loss) จะปิดเทรดอัตโนมัติ ณ ราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อปกป้องไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป โดยพื้นฐานแล้วระดับ Stop Loss เป็นการทำงานอัตโนมัติที่จะเข้ามามีผลเมื่อตลาดเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ลงทุนไว้

อย่างไรก็ตาม ยังมีนักเทรดมือใหม่บางส่วนที่เชื่อว่าไม่ต้องกำหนดระดับหยุดการขาดทุนก็ได้ ใครที่คิดแบบนี้ ลองเดาดูสิว่าเครื่องมือจัดการความเสี่ยงยอดนิยมที่ IQ Option คืออะไร? ก็ Stop Loss ยังไงล่ะ นักเทรดที่ฉลาดจะไม่ลงทุนโดยไม่ตั้งระดับหยุดการขาดทุน และด้านล่างนี้คือเหตุผล

1. ไม่ต้องเฝ้าติดตามตลอดเวลา เมื่อเปิดใช้งาน Stop Loss ก็ไม่จำเป็นต้องติดตามกราฟอย่างต่อเนื่อง ระบบจะจับตาดูราคาและดำเนินการออกจากเทรดให้เองหากขาดทุนเกินระดับที่กำหนดไว้

2. กำจัดอารมณ์ นักเทรดที่มักตัดสินใจด้วยอาอารมณ์ ระดับ Stop Loss ช่วยได้ เพียงแค่คำนวณการขาดทุนที่ยอมรับได้แล้วปล่อยให้ระบบอัตโนมัติจัดการส่วนที่เหลือให้เอง เมื่อทำแบบนี้จะทำให้ไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจว่าจะออกช้าไปหรือออกเร็วไป

3. ตั้งค่าได้ง่าย – การตั้งค่าระดับหยุดการขาดทุนเป็นขั้นตอนการจัดการความเสี่ยงที่ทุกคนทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ไปที่แผงทางด้านขวาของแพลตฟอร์ม IQ Option แล้วเลือกจำนวนขาดทุนที่ยอมรับได้สำหรับเทรดนั้นๆ

Example of the stop-loss settings in the IQ Option traderoom

ฟีเจอร์นี้อาจมีลักษณะแตกต่างกันไปในบัญชีเทรดประเภทต่างๆ หากมีข้อสงสัย ให้ติดต่อฝ่ายซัพพอร์ตผ่านช่องทางแชทในห้องเทรดเพื่อขอความช่วยเหลือ

2. เฮดจิ้ง (Hedging) – ศาสตร์แห่งการสร้างความสมดุล

เมื่อพูดถึงการจัดการความเสี่ยงสำหรับการเทรด แน่นอนว่าเฮดจิ้ง (Hedging) ต้องเป็นหนึ่งในนั้น เฮดจิ้งเป็นการเปิดสถานะใหม่เพื่อชดเชยการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นกับสถานะที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าได้ลงทุนในหุ้นตัวหนึ่ง นักเทรดสามารถทำเฮดจิ้งได้ด้วยการเปิดสถานะตรงกันข้ามกับที่ลงทุนไว้

เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับความสมดุล หลังจากทำเฮดจิ้งก็เพียงแค่นั่งรอและคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะเฮดจิ้งเป็นการจัดการความเสี่ยงอย่างจริงจังและมั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการจะได้รับการชดเชย

3. กฎ 2% – เทรดน้อยแบบพอตัว

อีกเคล็ดลับสำหรับการจัดการความเสี่ยงคือกฎ 2% กฎนี้เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยงที่ไม่ควรเสี่ยงเกิน 2% ของยอดเงินลงทุนในเทรดเดียว ซึ่งเป็นวิธีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเงินในบัญชีจะไม่มีทางหายวับไปกับตา

ตัวอย่าง สมมติว่ามีเงินในบัญชีเทรด $10,000 ตามกฎ 2% ไม่ควรเสี่ยงเงินเกิน $200 ในการเทรดแต่ละครั้ง หมายความว่าหากตั้ง Stop Loss เพื่อกำหนดระดับขาดทุนไว้ที่ 2% ของยอดเงินที่มีในบัญชี ถ้าเกิดว่าตลาดเคลื่อนที่เป็นทิศทางตรงกันข้าม ยอด 2% ที่ลงทุนก็จะขาดทุน $200

วิธีนี้ช่วยให้สงบอารมณ์และเทรดแบบมีสติ ไม่ต้องแพนิกเมื่อทิศทางตลาดไม่เป็นไปตามที่คาด สามารถเทรดได้แบบสบายใจต่อให้ขาดทุนยังไงเงินก็ไม่หมดบัญชี ถ้าอยากเรียนรู้รายละเอียดเรื่องกฎนี้เพิ่มเติม ให้อ่านบทความเกี่ยวกับกฎ 2%

4. อัตราความเสี่ยง-ผลตอบแทน – ชั่งน้ำหนักโอกาสที่จะเป็นไปได้

อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเป็นการประเมินกำไรที่อาจเกิดขึ้นเทียบกับโอกาสขาดทุนจากการเทรด ตามหลักการควรกำหนดอัตราส่วนที่ผลตอบแทนมีความเสี่ยงอย่างน้อยสองเท่า ถ้าเสี่ยงเงิน $50 ในการเทรดก็ควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นไปได้ $100

แนวทางการจัดการความเสี่ยงนี้จะช่วยให้ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะพุ่งเข้าสู่ทุกการเทรดที่ดูมีความหวัง ให้มุ่งเน้นเฉพาะเทรดที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนดีที่สุด หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม ลองอ่านบทความเรื่องอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน

5. กระจายความเสี่ยง – อย่าใส่ไข่ทุกฟองไว้ในตะกร้าใบเดียว

การกระจายความเสี่ยงหมายถึงการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างๆ เซกเตอร์ที่ต่างกัน หรือแม้แต่ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ที่ไม่เหมือนกัน แนวคิดนี้เป็นการสร้างสมดุลกับการลงทุนที่มีประสิทธิภาพดีกว่า เพื่อลดผลกระทบจากการลงทุนที่มีประสิทธิภาพต่ำให้เหลือน้อยที่สุด

IQ Option นำเสนอโอกาสกระจายความเสี่ยงอย่างกว้างขวางในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ รวมถึงฟอเร็กซ์ หุ้น คริปโต สินค้าโภคภัณฑ์ และอื่นๆ นอกจากนี้ยังสามารถกระจายความเสี่ยงด้วย ETF (Exchange Traded Fund) ซึ่ง ETF เป็นเหมือนตะกร้าที่รวมหุ้นต่างๆ เอาไว้ โดยที่ราคาของ ETF จะสะท้อนถึงมูลค่ารวมของสินทรัพย์อ้างอิง โดยพื้นฐานแล้วการลงทุนใน ETF จะช่วยให้เข้าถึงตัวเลือกการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงล่วงหน้า เป็นการลดความซับซ้อนของการลงทุนหุ้นหลายตัวผ่านการลงทุนเพียงครั้งเดียว

สรุป

การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ได้รับผลตอบแทนดีกว่าการเทรดที่ประสบความสำเร็จหลายครั้ง การจัดการความเสี่ยงมีทั้งการใช้คำสั่งหยุดการขาดทุน (Stop Loss) การเฮดจิ้ง (Hedging) หรือการทำตามกฎ 2% การมุ่งเน้นอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ดี หรือการกระจายพอร์ต ทั้งหมดนี้ต่างเป็นเครื่องมือและเทคนิคที่จะช่วยให้สามารถรับมือกับทิศทางตลาดที่ไม่อาจคาดเดาได้

สิ่งถัดไปที่คุณควรเรียนรู้? หมุนวงล้อเพื่อค้นหา!

rainbow circle

ทำไมการเทรดถึงซับซ้อน?

แบ่งปัน

บทความก่อนหน้า

มองหาแนวโน้มที่แข็งแรงด้วยรูปแบบเทรนด์ต่อเนื่อง (Trend Continuation)
Continuation patterns for trading
มองหาแนวโน้มที่แข็งแรงด้วยรูปแบบเทรนด์ต่อเนื่อง (Trend Continuation)

บทความถัดไป

Hamster Kombat จะได้เดินตามรอย NOT หรือไม่?
Hamster Kombat จะได้เดินตามรอย NOT หรือไม่?

โพสต์ล่าสุด

มองหาแนวโน้มที่แข็งแรงด้วยรูปแบบเทรนด์ต่อเนื่อง (Trend Continuation)

10.02.2025

Continuation patterns for trading

Detrended Price Oscillator (DPO) ตัวชี้วัดที่ไม่สนใจแนวโน้ม

31.01.2025

Detrended Price Oscillator

มาเทรดไปด้วยกัน ดู 3 สิทธิพิเศษที่ซ่อนอยู่ เฉพาะไทยคอมมูนิตี้เท่านั้น

23.01.2025

IQ Option communities for Thai traders

สินทรัพย์คริปโตติดท็อป ข่าวลือ และกลยุทธ์เทรดปี 2025

20.01.2025

Crypto Trading in 2025

5 กลยุทธ์เทรดสำหรับปี 2025 ค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเอง

15.01.2025

5 Trading Strategies for 2025

วิธีเริ่มต้นเทรดในปี 2025

10.01.2025

how to start trading in 2025