ช่วงปีใหม่เป็นโอกาสเหมาะที่จะปรับปรุงสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น บอกลากลยุทธ์เทรดที่ไม่มีประสิทธิภาพและเปิดรับแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ทำความเข้าใจกลยุทธ์เทรด 5 แบบที่สามารถเลือกนำไปทดลองใช้ในปี 2025
1. เทรดตามพฤติกรรมของราคา (Price Action) เพื่อหารูปแบบ
มาเริ่มกันด้วยแนวทางแบบมินิมอลที่เรียกว่าการเทรดตามพฤติกรรมของราคา วิธีนี้ไม่ต้องสับสนกับตัวชี้วัด ไม่ต้องวุ่นวายกับกราฟ เพียงแค่โฟกัสกับแท่งเทียน
หลักการทำงาน
การเทรดตามพฤติกรรมของราคาเป็นเหมือนการอ่านภาษากายแทนที่จะฟังคำพูด เพื่อโฟกัสว่าราคาจะเคลื่อนที่อย่างไร เพิ่มขึ้น ลดลง หรือยังไม่แน่นอน และทำการตัดสินใจอ้างอิงตามรูปแบบที่เกิดขึ้น
หลายคนอาจสงสัยว่าการเทรดโดยไม่ใช้ตัวชี้วัดจะเป็นไปได้อย่างไร? และที่สำคัญกว่านั้น การเทรดตามพฤติกรรมของราคาจะทำกำไรได้หรือไม่? ความจริงคือสัญญาณพฤติกรรมของราคาจะกลายเป็นเครื่องมือประสิทธิภาพสูงเมื่อนักเทรดฝึกฝนการมองหารูปแบบเหล่านี้
รูปแบบที่ต้องสังเกต
● พินบาร์ (Pin Bar) – รูปแบบนี้มีลักษณะเหมือนแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาว ซึ่งเป็นการบอกว่า “จุดกลับตัวใกล้เข้ามาแล้ว!“
● รูปแบบ Engulfing – แท่งเทียนขนาดใหญ่กำลังกินแท่งเทียนขนาดเล็ก หมายความว่าเงินก้อนใหญ่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบ Engulfing ที่นี่
● แนวรับและแนวต้าน – เปรียบได้กับพื้นและเพดานที่ราคากระทบไปมา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเทรด S&R ในบทความนี้
มีรูปแบบมากมายที่ต้องคอยจับตาดู อ่านเพิ่มเติมได้ที่วิธีเทรดด้วยรูปแบบแท่งเทียน
การใช้งาน
ผสานการวิเคราะห์พฤติกรรมของราคากับกรอบเวลา มองหาพินบาร์ (Pin Bar) บนกราฟรายวัน จากนั้นซูมเข้าไปเป็นกราฟ 1 ชั่วโมง เพื่อค้นหาจุดเข้าเทรด
2. เทรดกรอบการแกว่งตัว (Range Trading) สำหรับนักเทรดที่ใจเย็นและมีสติ
หากตลาดไม่มีเทรนด์อาจเป็นช่วงที่ราคาแกว่งตัว เด้งไปมาเหมือนลูกปิงปองระหว่างแนวรับและแนวต้าน ในการเทรดกรอบการแกว่งตัว เป้าหมายคือจับลูกบอลที่มีความเร็วสูงให้ได้
วิธีใช้กลยุทธ์เทรดกรอบการแกว่งตัว
1. หาช่วงที่ชัดเจน – เส้นราบที่มีราคาเด้งไปมาระหว่างแนวรับและแนวต้าน
2. ซื้อใกล้แนวรับ (เส้นล่างสุด) และขายใกล้แนวต้าน (เส้นบนสุด)
3. ใช้ตัวชี้วัดที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดกรอบการแกว่งตัว เช่น Bollinger Bands, Stochastic Oscillator, Commodity Channel Index (CCI) หรือ RSI (Relative Strength Index) เพื่อค้นหาโซนซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป
3. เทรดตามเทรนด์ (Trend Trading) สำหรับผู้ที่ชอบเล่นเซิร์ฟกับตลาด
หากการเทรดตามพฤติกรรมของราคาเปรียบได้กับเชอร์ล็อก โฮมส์ การเทรดตามเทรนด์ก็เป็นเหมือนการเข้าร่วมพาเหรด เมื่อตลาดกำลังเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน งานของคุณคือเดินตามทิศทางนั้นได้เลย กลยุทธ์นี้อาจเป็นแนวทางที่คุณชอบมากที่สุดสำหรับปี 2025 มาดูรายละเอียดกัน!
การเทรดตามเทรนด์คืออะไร
การเทรดตามเทรนด์เกี่ยวกับการหาทิศทาง (แนวโน้มขาขึ้นหรือแนวโน้มขาลง) เพื่อตัดสินใจเทรดตามทิศทางของแนวโน้ม ไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไป
กลยุทธ์เทรดตามเทรนด์ที่ดีที่สุด
มาดูกันที่พื้นฐานของแนวทางนี้และขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม
1: มองหาแนวโน้ม ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หรือ Ichimoku Cloud เพื่อค้นหาว่าตลาดมีแนวโน้มจะมุ่งหน้าไปทิศทางไหน ขึ้นหรือลง
2: วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม ใช้ Average Directional Index (ADX) หรือ Moving Average Convergence Divergence (MACD) เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มและหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่คาดคิด
3: กรองข้อมูลรบกวน ใช้ Bollinger Band เพื่อหาความผันผวนและหลีกเลี่ยงตลาดไซด์เวย์ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ตัวชี้วัดปริมาณหรือเปิดใช้งานวิดเจ็ตปริมาณบนแพลตฟอร์ม ปริมาณที่เพิ่มขึ้นเป็นการสนับสนุนแนวโน้มปัจจุบัน ส่วนปริมาณที่ลดลงอาจเป็นสัญญาณโมเมนตัมที่อ่อนลง
4: เข้าเทรดตามสัญญาณ เมื่อคิดว่าแนวโน้มกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยที่แนวโน้มมีความแข็งแกร่งและชัดเจน ให้เข้าเทรดตามทิศทางของแนวโน้ม
การนำเครื่องมือเหล่านี้ไปใช้จะช่วยให้มีแนวทางเทรดที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อทำเงินจากแนวโน้มของตลาด
4. การเทรดแบบถือสถานะ (Position Trading) สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา
หากไม่ชอบจ้องกราฟทั้งวัน ชอบตั้งเทรดแล้วปล่อยไว้ การเทรดแบบถือสถานะอาจเหมาะกับคุณ
หลักการทำงานของการเทรดแบบถือสถานะ
นักเทรดแบบถือสถานะจะเล่นไปตามเกม โดยถือเทรดไว้เป็นสัปดาห์ เดือน หรือแม้แต่เป็นปี กลยุทธ์นี้อาศัยปัจจัยพื้นฐานต่างๆ เช่น รายงานรายได้ ข้อมูลเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์
กลยุทธ์การเทรดแบบถือสถานะ
● เลือกสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตระยะยาว
● เพิ่มวิดเจ็ตข่าวไปยังกราฟเพื่อรับการอัปเดตแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับเรื่องสำคัญ
● เฝ้าดูเศรษฐกิจและปฏิทินรายได้ เหตุการณ์สำคัญ เช่น รายงานรายได้ หรือการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจ อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อย่างมาก เข้าถึงปฏิทินเหล่านี้ได้ที่ส่วนการวิเคราะห์ตลาดของห้องเทรดเพื่อรับการอัปเดตให้ทันเวลา
5. กลยุทธ์เทรดตอนใกล้หรือหลังตลาดปิด (End of Day) สำหรับนกฮูกยามราตรี
หากต้องการเทรดแต่ไม่อยากใช้เวลาทั้งวันติดตามหน้าจอ และไม่อยากนั่งเครียดกับความเคลื่อนไหวของตลาดเพียงเล็กน้อย ใช้กลยุทธ์เทรด End of Day (EOD) เพื่อให้ไม่ต้องคอยจัดการทุกอย่างระหว่างวัน เพียงแค่รอให้ตลาดปิด (หรือใกล้ปิด) จากนั้นก็ลงมือ เมื่อถึงจุดนี้ตลาดกำลังจะสิ้นสุด เหตุการณ์สำคัญต่างๆ จะสะท้อนให้เห็นในราคาปิด วิธีนี้ทำให้สามารถก้าวข้ามความวุ่นวายของการเดย์เทรด และมีสมาธิกับสัญญาณที่ชัดเจน
หลักการทำงาน
ในตอนท้ายของช่วงเวลาเทรด ให้วิเคราะห์สัญญาณเทรดตอนสิ้นสุดวัน เช่น รูปแบบแท่งเทียน หรือจุดสูงสุดและต่ำสุดของวัน เพื่อทำการเทรดตามสิ่งที่ค้นพบ
กลยุทธ์การเทรด End of Day ที่ดีที่สุด
1. รู้เวลาทำการของตลาดและเข้าเทรดเมื่อตลาดกำลังจะปิด
2. มองหารูปแบบ เช่น Doji (ยังไม่ชัดเจน) หรือรูปแบบจุดกลับตัว
3. ยืนยันปริมาณ ปริมาณสูง = สัญญาณแข็งแกร่ง
4. กำหนด Stop Loss และเป้าหมายก่อนที่จะเข้าเทรด
สรุป
กลยุทธ์เทรดสำหรับปี 2025 เหล่านี้เกี่ยวกับการพลิกแพลงตามตลาดและสามารถนำไปใช้เพื่อรับประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะอ่านทิศทางของตลาดด้วยการเทรดพฤติกรรมของราคา ฝึกใช้กลยุทธ์เทรดกรอบการแกว่งตัว หรือเฝ้าดูเป็นเวลานานด้วยการเทรดแบบถือสถานะ รองรับทุกกลยุทธ์เทรดสำหรับทุกคน
ทดลองใช้และทำให้ปี 2025 เป็นปีที่น่าจดจำ!