การเทรดหุ้นมักเกี่ยวข้องกับการ “ซื้อและถือครอง” อย่างไรก็ตาม การเทรดหุ้นระยะสั้นเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุนที่มีกฎเฉพาะและใช้กลยุทธ์ที่ต่างออกไป
เรียนรู้แผน 4 ขั้นตอนที่จะช่วยทำกำไรจากการเคลื่อนไหวระยะสั้นและเทรดหุ้นให้ได้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
ขั้นที่ 1 ติดตามหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวจริง
สมมติว่ามีหุ้นสองตัว
● หุ้น A เคลื่อนที่ขึ้นลงทุกวัน 5%
● หุ้น B เคลื่อนไหวเพียง 0.3% ตลอดทั้งวันแทบไม่ขยับ
หากสนใจเทรดหุ้นระยะสั้นต้องพิจารณาหุ้น A ที่มีความเคลื่อนไหวจริงๆ หุ้นเหล่านี้จะมีความผันผวน ปริมาณเทรดสูง และตอบสนองต่อข่าวอย่างรวดเร็วดูตัวอย่างบางส่วนของหุ้น “เร็ว” และ “ช้า” ต่อไปนี้
หุ้นเคลื่อนที่เร็ว | หุ้นเคลื่อนที่ช้า |
Nvidia (NVDA) – สวิงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหลังการรายงานผลประกอบการหรือข่าว AI | NextEra Energy Inc. (NEE) – หุ้นสาธารณูปโภค = มั่นคง แต่เคลื่อนไหวช้าเกินไปสำหรับนักเทรดแบบเดย์เทรด |
Tesla (TSLA) – ทวีตเดียวของอีลอน มัสก์ สามารถทำให้หุ้นพุ่งทะยานหรือดิ่งลงได้ในพริบตา | Procter & Gamble (PG) – ยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภคเคลื่อนไหวอย่างมั่นคงแต่ไม่ค่อยน่าตื่นเต้น |
AMD (AMD) – เคลื่อนไหวอย่างเร็ว โดยเฉพาะช่วงที่มีข่าวเซมิคอนดักเตอร์ | Johnson & Johnson (JNJ) – ยักษ์ใหญ่วงการดูแลสุขภาพที่เชื่อถือได้แต่มีความไม่ผันผวน |
Meta (META) – หุ้นพุ่งสูงเมื่อมีการประกาศผลประกอบการ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือรายงานรายได้จากโฆษณา | Coca-Cola (KO) – เคลื่อนที่เหมือนคลื่นสงบมากกว่าพายุกระหน่ำ |
วิธีมองหาหุ้นเคลื่อนที่เร็ว
✅ ดูที่ Average True Range (ATR) ATR สูง = ราคาสวิงรายวันมากกว่า = เหมาะกับการเทรด
✅ ตรวจสอบปริมาณเทรด ยิ่งมีปริมาณเทรดมาก = ยิ่งมีผู้สนใจลงทุนมาก
✅ ดูข่าวและแรงหนุน รายงานรายได้ การประกาศจากบริษัท และทวีตที่เป็นไวรัลสามารถเปลี่ยนหุ้นที่เคลื่อนไหวช้าให้กลายเป็นหุ้นที่เคลื่อนไหวเร็ว
เปรียบเทียบตัวอย่างด้านล่างสำหรับช่วงเวลาเดียวกัน
● หุ้น Tesla มีช่วง ATR ตั้งแต่ 2.3 ถึง 2.9 และปริมาณเทรดระหว่าง 340 และ 346 แสดงให้เห็นสัญญาณความผันผวนที่รุนแรงอย่างชัดเจน
● หุ้นของ Johnson & Johnson มี ATR สูงสุดเพียง 0.53 เท่านั้น โดยที่ปริมาณเทรดไม่เกิน 150 นับว่าเป็นหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวช้ามาก
ขั้นที่ 2 เรียนรู้วิธีอ่านอารมณ์ของตลาด (ทิศทางของแนวโน้ม)
ก่อนที่จะเริ่มทำการเทรด ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทิศทางตลาดเป็นอย่างไร ทิศทางหุ้นมักมีสามแบบ ได้แก่
● ขึ้น (แนวโน้มขาขึ้น)
● ลง (แนวโน้มขาลง)
● ไซด์เวย์
ดังนั้นจึงต้องเรียนรู้ว่าจะเทรดตามเทรนด์และไม่เทรดสวนเทรนด์ได้อย่างไร
นักเทรดสามารถนำเครื่องมือเหล่านี้ไปใช้หาทิศทางของแนวโน้มและเลือกจุดเข้าเทรดที่ดีที่สุด
● Moving Averages (50 EMA, 200 EMA) – หากราคาอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แสดงว่าแนวโน้มมีโอกาสเป็นขาขึ้น หากต่ำกว่าแสดงว่า แนวโน้มอาจเป็นขาลง
● เส้นแนวโน้ม – หากมองเห็นหุ้นกำลังทำจุดสูงสุดใหม่และจุดต่ำสุดใหม่ ยินดีด้วย! นั่นแปลว่ากำลังมองเห็นแนวโน้มขาขึ้น
● ยืนยันปริมาณเทรด – ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อาจมาพร้อมปริมาณเทรดที่สูง แนวโน้มแบบนี้พอมีลุ้น หากปริมาณเทรดน้อย หมายความว่าราคาไม่ค่อยขยับ
ขั้นที่ 3 กะจังหวะเข้าเทรดให้ถูกต้อง
หากเคยมีประสบการณ์เทรดหุ้นตอนเป็นขาขึ้น แต่ 2 วินาทีต่อมาราคากลับร่วงลง นั่นเป็นเพราะจุดเข้าเทรดมีความสำคัญ
วิธีค้นหาจุดเข้าเทรด
● รอวิ่งย้อนกลับ – ราคาหุ้นไม่เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง หากกำลังเป็นแนวโน้มขาขึ้น รอให้ราคาลดลงเล็กน้อยก่อนจึงค่อยซื้อ หากกำลังเป็นแนวโน้มขาลง รอให้มีการดีดตัวเล็กน้อยก่อนจะขายชอร์ต
● ใช้ตัวชี้วัด เช่น RSI – หาก RSI อยู่เหนือ 70 หุ้นอาจกำลังอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (แพงเกินไป) หากอยู่ต่ำกว่า 30 หุ้นอาจกำลังอยู่ในภาวะขายมากเกินไป (ราคาถูก)
● ดูแนวรับและแนวต้าน – ราคาหุ้นมักเด้งออกจากระดับเหล่านี้ แนะนำให้ซื้อใกล้แนวรับ และขายใกล้แนวต้าน
ขั้นที่ 4 เทรดเมื่อโอกาสทำกำไรสูงเท่านั้น
ตลาดก็เหมือนคนทั่วไปที่บางครั้งมีแรงเยอะ (ตอนเช้าและช่วงบ่าย) และบางช่วงเวลาแค่อยากอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร (เที่ยงวัน)
จังหวะเข้าเทรดที่ดีที่สุดสำหรับกลยุทธ์เทรดหุ้นระยะสั้น (ที่ได้ผลจริง)
● ชั่วโมงที่สองและชั่วโมงที่สามของการเปิดตลาด – ช่วงนี้เป็นช่วงที่เสียงรบกวนในชั่วโมงแรกเริ่มน้อยลง ข่าวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงข้ามคืนและทุกอย่างที่ระเบิดออกเริ่มแผ่วลง นับว่าเป็นช่วงที่มีโอกาสนับไม่ถ้วน
● ชั่วโมงสุดท้ายของตลาด – เทรดเดอร์จะเริ่มต้นวางสถานะสำหรับวันถัดไป สร้างความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
ช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับกลยุทธ์เทรดหุ้นระยะสั้น
● ชั่วโมงแรกของตลาด – อาจดูน่าสนใจเหมือนจะสร้างกำไรมหาศาล แต่เต็มไปด้วยข้อมูลลวง
● ช่วงพักเที่ยง – ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดงีบหลับ
สรุปส่งท้าย – พร้อมเทรดหุ้นระยะสั้นหรือยัง?
การเทรดหุ้นระยะสั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากสนใจ ให้ใช้แนวทางดังนี้
✅ เลือกหุ้นที่ผันผวน
✅ เทรดตามแนวโน้ม
✅ เข้าเทรดให้ถูกจังหวะ
✅ โฟกัสที่ช่วงเวลาเทรดที่ดีที่สุด…
… สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้มีโอกาสปิดเทรดที่ทำกำไรได้ แต่หากตัดสินใจว่าการเทรดระยะสั้นไม่เหมาะกับตนเองก็ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ อีกมากมายที่สามารถนำมาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย เรียนรู้ 5 กลยุทธ์เทรดสำหรับปี 2025 ค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อหาไอเดียเทรดและทดสอบแนวทางใหม่ๆ