Back
Updated: สิงหาคม 7, 2025

สเปรดการเทรดคืออะไรและทำงานอย่างไร

มาเริ่มกันด้วยคำถามง่ายๆ ที่ว่า สเปรดการเทรดคืออะไร ลองนึกภาพดูว่า หากไปที่ร้านรับแลกเงินจะมีเรทอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสำหรับราคารับซื้อและราคาขาย ส่วนต่างระหว่างทั้งสองเรทที่แตกต่างกันนี้เรียกว่าสเปรดตลาด ซึ่งสเปรดในแง่ของการเทรดก็ทำงานแบบเดียวกัน

คำจำกัดความของสเปรด

สเปรดเป็นส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ของสินทรัพย์ ช่องว่างนี้เป็นแหล่งรายได้ที่โบรกเกอร์ใช้ทำเงิน และยังเป็นต้นทุนที่เทรดเดอร์ต้องพิจารณา

ดังนั้นหากถามว่าสเปรดคืออะไร สามารถตอบได้ว่าสเปรดเป็นต้นทุนแฝงเล็กๆ ที่จะเกิดขึ้นกับทุกเทรด หากจ่ายราคา Ask เพื่อซื้อสินทรัพย์บางอย่างแล้วขายออกไปทันทีที่ราคา Bid ก็จะขาดทุนพอๆ กับมูลค่าของสเปรด เว้นแต่ว่าตลาดเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ให้กำไร

การเข้าใจเรื่องสเปรดในด้านการเงินเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเทรดตราสารที่ซับซ้อนอย่าง CFD ฟอเร็กซ์ และหุ้น บทบาทของสเปรดไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่ค่าธรรมเนียมแต่ยังสะท้อนให้เห็นประสิทธิภาพตลาด พฤติกรรมของเทรดเดอร์ และสภาพคล่องของระบบ

การทำงานของสเปรดการเทรด

สเปรดการเทรดคืออะไร? สเปรดการเทรดเกี่ยวกับการซื้อและขายสินทรัพย์เดียวกันหรือสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกัน โดยปกติแล้วจะทำกำไรจากช่องว่างระหว่างราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อยินดีจ่ายและราคาต่ำสุดที่ผู้ขายยอมรับ

ตัวอย่างเช่น หากกำลังเทรดหุ้นที่ราคา Bid อยู่ที่ $100 ส่วนราคา Ask อยู่ที่ $100.50 สเปรดจะเท่ากับ $0.50 หากซื้อที่ราคา Ask และขายที่ราคา Bid ทันทีจะเสียเงิน $0.50 ต้นทุนนี้สามารถชดเชยด้วยการเคลื่อนไหวของราคาที่เป็นผลดีกับการเทรด เพื่อให้เทรดสามารถทำกำไรได้

ตัวอย่างสเปรดลอยตัวสำหรับ EUR/USD ที่ IQ Option

สเปรดได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย เช่น ประเภทตลาด สินทรัพย์ ปริมาณเทรด และสภาพเศรษฐกิจ สเปรดตลาดมีอยู่ตลอดเวลาและเป็นองค์ประกอบสำคัญของต้นทุนการเทรด

บทบาทสำคัญของสเปรดการเงิน

●  สเปรดช่วยแสดงให้เห็นว่าสินทรัพย์นั้นซื้อง่ายขายคล่องแค่ไหน (สภาพคล่องตลาด) และตลาดราบรื่นเพียงใด

●  ทำหน้าที่เป็นต้นทุนแอบแฝงที่มากับทุกการเทรด เทรดเดอร์ต้องจ่ายค่าสเปรดเสมอ

●  สะท้อนอารมณ์ของตลาด สเปรดที่แคบกว่าหมายความว่าตลาดมั่นใจ สเปรดที่กว้างขึ้นหมายถึงตลาดกังวล (เซนติเมนต์ของตลาด)

●  มีผลกับความเร็วและความง่ายของการจับคู่คำสั่งเทรด รวมถึงกำไรที่อาจได้รับ

●  ใช้ในกลยุทธ์ขั้นสูงที่เทรดเดอร์พยายามทำกำไรจากช่องว่างราคาระหว่างสินทรัพย์ที่คล้ายกัน

●  ช่วยเทรดเดอร์คาดเดาการเคลื่อนไหวระยะสั้นและแนวโน้มระยะยาว

●  แสดงให้เห็นระดับราคาสำคัญที่แรงซื้อและแรงขายอาจเข้ามาในตลาด

✍️ เทรดเดอร์ที่เทรดเป็นประจำทุกวันต้องรู้ว่าสเปรดเป็นแบบคงที่หรือเปลี่ยนแปลง แพลตฟอร์มเทรดที่ใช้และประเภทบัญชีจะส่งผลกับเรื่องนี้ หากเป็นเทรดเดอร์ที่เน้นเทรดไวเพื่อทำเงินระยะสั้น (Scalper) สเปรดที่กว้างอาจทำให้กำไรหายไปเยอะ แต่หากเป็นเทรดเดอร์ที่ถือเทรดไว้นานก็ไม่ต้องกังวลเท่าไร

ปัจจัยตลาดที่ส่งผลต่อสเปรด

สเปรดได้รับผลกระทบจากสภาวะตลาด

สภาวะตลาดส่งผลต่อพฤติกรรมของสเปรด เหมือนกับสภาพอากาศที่ส่งผลต่อรูปแบบการแต่งตัว เมื่อตลาดนิ่งๆ และสามารถคาดการณ์ได้ สเปรดมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำ แต่ช่วงที่ตลาดผันผวน เช่น มีข่าวใหญ่หรือความวุ่นวายทางการเงิน สเปรดตลาดสามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะความไม่แน่นอน ทำให้ทุกคนระวังตัวมากขึ้น และนำไปสู่ต้นทุนการเทรดที่เพิ่มขึ้น

สเปรดอาจเปลี่ยนแปลงรุนแรงในช่วงเริ่มต้นตลาดหรือช่วงปิดตลาด เนื่องจากตลาดยังไม่นิ่งและไม่สามารถคาดเดาได้

ความผันผวนของตลาดและสเปรด

ความผันผวนของตลาดหมายความว่า “ราคาผันผวนในระยะสั้น” หากราคาเคลื่อนไหวรวดเร็วและรุนแรงในช่วงเวลาสั้นๆ สเปรดมักจะกว้างขึ้น นั่นเพราะว่าโบรกเกอร์ต้องการปกป้องตัวเองจากการสูญเสียเงินหากราคาเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

ดังนั้น หากมีการประกาศที่ไม่คาดคิด เช่น ธนาคารกลางเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ก็ไม่ต้องตกใจหากสเปรดจะกว้างขึ้น

ผลกระทบสภาพคล่องตลาด

สภาพคล่องตลาดหมายถึงระดับความง่ายของการซื้อหรือขายสินทรัพย์ โดยไม่ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงมากเกินไป หากมีคนหลายคนกำลังเทรด นั่นแปลว่าตลาดมีสภาพคล่องสูง และจะทำให้สเปรดแคบ

แต่หากกำลังเทรดบางอย่างที่ไม่ใช่สินทรัพย์ทั่วไปหรือไม่ได้รับความนิยม อาจมีผู้ซื้อหรือผู้ขายน้อย สเปรดจะกว้างขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนเทรดสูงขึ้นตามไปด้วย

ปัจจัยอุปสงค์และอุปทาน

อุปสงค์และอุปทานมีบทบาทสำคัญ เช่นเดียวกับการซื้อของที่ร้านขายของชำ  หากทุกคนต้องการซื้อสินทรัพย์และมีไม่กี่คนต้องการขาย สเปรดอาจแคบขึ้น แต่หากตรงกันข้าม ผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ สเปรดอาจกว้างขึ้น

การเข้าใจสมดุลนี้จะช่วยให้เข้าใจกลไกความผันผวนของตลาดได้มากขึ้น

อิทธิพลของเซนติเมนต์ตลาด

เซนติเมนต์ตลาดเป็นอารมณ์ของตลาด ไม่ว่าเทรดเดอร์จะรู้สึกมั่นใจหรือกังวล เมื่อความมั่นใจสูงจะมีการเทรดกันมากขึ้นและสเปรดจะแคบลง ในกรณีที่เซนติเมนต์เป็นขาลง เทรดเดอร์จะไม่กล้าเข้าเทรด หรือรีบออกจากสถานะ ทำให้สภาพคล่องลดลง และสเปรดจะกว้างขึ้น

✍️ การเปลี่ยนแปลงสเปรดที่ขับเคลื่อนด้วยเซนติเมนต์มักพบได้ในตลาดที่มีความผันผวนรวดเร็ว เช่น คริปโต

ประเภทของสเปรด

เพื่อให้เข้าใจความหมายของสเปรดการเงินได้ดียิ่งขึ้น ขออธิบายประเภทของสเปรดดังนี้

สเปรด Bid-Ask

สเปรด Bid-Ask เป็นประเภทของสเปรดที่ใช้กันทั่วไปและเข้าใจง่าย ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างราคาที่ผู้ซื้อยินดีจ่าย (Bid) และราคาที่ผู้ขายต้องการจะขาย (Ask)

ยกตัวอย่างเช่น หากมีคนต้องการซื้อที่ราคา $9.98 และอีกคนต้องการขายที่ $10.00 สเปรดจะอยู่ที่ $0.02 นั่นคือต้นทุนที่ต้องลุ้นให้ราคาขยับขึ้น ถึงจะทำกำไรได้

สเปรดคงที่ (Fixed Spread)

สเปรดคงที่เป็นช่องว่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายที่ยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตลาด แม้ว่าตลาดจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว สเปรดก็ไม่เปลี่ยนแปลง

ข้อดีของสเปรดคงที่

●  รู้ต้นทุนที่แน่นอนล่วงหน้าก่อนเข้าเทรด

●  เหมาะกับช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญหรือการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว

●  เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการค่าธรรมเนียมที่แน่นอน

ข้อเสียของสเปรดคงที่

●  อาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงที่ตลาดสงบและเสถียร

●  โบรกเกอร์บางรายอาจดำเนินการคำสั่งช้าลงเมื่อตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

สเปรดลอยตัว (ผันแปร)

สเปรดลอยตัว (Variable Spread) จะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามกิจกรรมตลาด เมื่อตลาดสงบ สเปรดมีแนวโน้มที่จะลดลง แต่ช่วงที่มีข่าวใหญ่หรือสภาพคล่องต่ำ สเปรดอาจขยับกว้างขึ้น

ข้อดีของสเปรดลอยตัว

●  มักมีต้นทุนถูกกว่าในช่วงที่ตลาดสงบ

●  สะท้อนให้เห็นราคาตลาดเรียลไทม์ที่แม่นยำกว่า

●  ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ขั้นสูงเพราะมีความยืดหยุ่น

ข้อเสียของสเปรดลอยตัว

●  ยากต่อการวางแผนต้นทุนที่แน่นอนในตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว

●  อาจขยายกว้างขึ้นอย่างกะทันหันในช่วงที่มีข่าวด่วนหรือการประกาศสำคัญ

สเปรดจริงตามตลาด (Raw Spread)

Raw Spread ในทางการเงินหมายถึงราคาจริงจากตลาดโดยไม่มีมาร์กอัป โบรกเกอร์ที่นำเสนอ Raw Spread มักเรียกเก็บค่าคอมมิชชันจำนวนหนึ่งแทน ทำให้เทรดเดอร์ได้ราคาที่แคบมากๆ แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแยก

ข้อดีและข้อเสียของ Raw Spread

●  ข้อดี – สเปรดแคบมากๆ ราคาดีกว่า โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีปริมาณเทรดสูง

●  ข้อเสีย – จ่ายค่าคอมมิชชันแต่ละเทรด อาจไม่เหมาะกับมือใหม่

สเปรดฟอเร็กซ์

สเปรดฟอเร็กซ์คืออะไร

ในการเทรดสกุลเงิน (เช่น ยูโรกับดอลลาร์สหรัฐ) จะเห็นว่ามีราคา 2 แบบเสมอ ราคาหนึ่งสำหรับซื้อ และอีกราคาสำหรับขาย ส่วนต่างระหว่าง 2 ราคานี้เรียกว่าสเปรดฟอเร็กซ์ สเปรดฟอเร็กซ์เป็นต้นทุนเริ่มต้นที่ต้องจ่ายทุกครั้งที่เทรดสกุลเงิน

สมมติว่าคู่ EUR/USD มีราคาดังนี้

●  Bid 1.1050

●  Ask 1.1053

สเปรดอยู่ที่ 3 pip ซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุดสำหรับวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงิน

วิธีคำนวณสเปรดฟอเร็กซ์

สูตรคำนวณ สเปรด = ราคา Ask – ราคา Bid

ในตัวอย่างจะได้ 1.1053 – 1.1050 = 0.0003 (หรือ 3 pip)

คู่สกุลเงินที่มีสเปรดต่ำ

คู่สกุลเงินบางส่วนมีกิจกรรมเทรดมากกว่าสกุลเงินอื่น เช่น EUR/USD, USD/JPY และ GBP/USD คู่เงินเหล่านี้เรียกว่าคู่สกุลเงินหลัก และมักจะมีสเปรดต่ำ เพราะมีการเทรดบ่อย คู่สกุลเงินที่เป็นที่รู้จักน้อยมักมีสเปรดมากกว่า ทำให้ต้นทุนการเทรดเพิ่มขึ้น

การวัดสเปรดฟอเร็กซ์

สเปรดฟอเร็กซ์มักวัดค่าในหน่วย pip (ย่อมาจาก “percentage in point”) ปกติแล้ว 1 pip หมายถึงทศนิยมตำแหน่งที่สี่ของราคาสกุลเงิน ดังนั้นหากพูดว่าสเปรด 2 pip จะหมายถึง 0.0002

สเปรดคงที่กับสเปรดลอยตัวในฟอเร็กซ์

เมื่อเทรดฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์มักจะต้องเลือกระหว่างสเปรดคงที่และสเปรดลอยตัว สเปรดคงที่จะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาด สเปรดลอยตัวจะเปลี่ยนแปลงตามอุปสงค์ อุปทาน และเหตุการณ์ข่าว

●  สเปรดคงที่เหมาะสำหรับการวางแผนค่าใช้จ่ายล่วงหน้า

●  สเปรดลอยตัวอาจมีราคาถูกกว่าในช่วงที่ตลาดนิ่ง แต่สามารถเปลี่ยนแปลงกะทันหันหากตลาดผันผวน

สเปรดที่เลือกจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์เทรด และการรับมือกับความเคลื่อนไหวของตลาด

ประเภทสินทรัพย์ในการเทรดสเปรด (CFD)

เมื่อเข้าใจความหมายของสเปรดในตลาดการเงินแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือขนาดของสเปรดอาจแตกต่างกันตามสินทรัพย์ที่กำลังเทรด

การเทรดสเปรดหุ้น

การเทรดสเปรดหุ้นเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคาระหว่างหุ้นที่เกี่ยวข้องกัน 2 ตัว เช่น หากคิดว่าบริษัท A จะมีผลประกอบการดีกว่าบริษัท B ก็สามารถซื้อ A และขาย B ไปพร้อมกัน ซึ่งไม่ได้เป็นการเดิมพันทั้งตลาด เพียงแค่เน้นส่วนต่างระหว่างหุ้น 2 ตัวที่กำลังเปลี่ยนแปลงว่าจะแคบลงหรือกว้างขึ้น

การเทรดสเปรดสินค้าโภคภัณฑ์

ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เทรดเดอร์มักใช้ Calendar Spread หมายความว่าการซื้อสัญญาฟิวเจอร์สในเดือนส่งมอบหนึ่ง และขายอีกสัญญาในเดือนอื่น เช่น ซื้อสัญญาน้ำมันเดือนมกราคม และขายสัญญาน้ำมันเดือนมีนาคม

แนวทางนี้เรียกว่า สเปรดรักษาสภาพของค่าความเสี่ยงระหว่างสินค้าอ้างอิง หรือ Inter-Commodity Spread ซึ่งเป็นประโยชน์เมื่อต้องการเทรดตามการคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานในช่วงเวลาต่างๆ ไม่ต้องคาดการณ์ว่าราคาของสินค้าโภคภัณฑ์จะขึ้นหรือลง

การเทรดสเปรดคริปโต

การเทรดสเปรดคริปโตเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาระหว่างคริปโตหรือศูนย์ซื้อขาย เนื่องจากตลาดคริปโตยังค่อนข้างใหม่และผันผวนบ่อยครั้ง สเปรดจึงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ยกตัวอย่างเช่น Bitcoin อาจมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยในศูนย์ซื้อขาย A เมื่อเทียบกับศูนย์ซื้อขาย B เทรดเดอร์จึงสามารถซื้อจากศูนย์ซื้อขายที่ถูกกว่าและขายในศูนย์ซื้อขายที่แพงกว่าเพื่อทำกำไร วิธีนี้เรียกว่าอาร์บิทราจ (Arbitrage)

การเทรดสเปรด CFD

เมื่อพูดถึงคำถามที่ว่า “สเปรดการเทรดคืออะไร คำตอบที่พบได้บ่อยหมายถึงการเทรด CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) การเทรด CFD ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง เพียงแค่เก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคา สเปรดเป็นต้นทุนหลักในการเทรด CFD ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะหากกำลังใช้โบรกเกอร์ที่ไม่มีค่าคอมมิชชัน

การเทรด CFD สามารถเทรดสินทรัพย์ได้มากมายหลายประเภท เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโต ขนาดสเปรดของตลาดขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่กำลังเทรด

●  คู่ฟอเร็กซ์หลักมีแนวโน้มที่สเปรดจะแคบ

●  หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์อาจมีสเปรดที่กว้างกว่าขึ้นอยู่กับข่าวหรือสภาพคล่อง

●  คริปโต CFD มักมาพร้อมกับสเปรดที่กว้างที่สุดเนื่องจากความผันผวนของตลาด

✍️ เนื่องจาก CFD มีการใช้เลเวอเรจ แม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของสเปรดก็สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลลัพธ์การเทรด สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าสเปรดของสินทรัพย์แตกต่างกันอย่างไร และประเภทของบัญชีที่กำลังใช้งานอยู่

ต้นทุนสเปรดและการคำนวณ

สเปรดส่งผลต่อกำไรการเทรดได้อย่างไร

สเปรดการเทรดทำหน้าที่เป็นค่าธรรมเนียมแฝง สเปรดยิ่งกว้าง ยิ่งต้องการให้ราคาเคลื่อนไหวมากขึ้นเพื่อให้เท่าทุน เช่น หากสเปรดอยู่ที่ 5 pip ตลาดต้องเคลื่อนที่ 5 pip ไปในทิศทางที่ต้องการ จึงจะเริ่มเห็นกำไร

เรื่องนี้ต้องระวังให้ดีโดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่เปิดและปิดเทรดจำนวนมากระหว่างวัน แม้แต่สเปรดเล็กๆ ก็สามารถสะสมกลายเป็นต้นทุนที่มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

อธิบายค่าธรรมเนียมจากสเปรด

โบรกเกอร์บางแห่งอาจโฆษณาว่าค่าคอมมิชชันเป็นศูนย์ แต่ไม่ได้หมายความว่าการเทรดจะฟรีจริงๆ แต่โบรกเกอร์จะทำเงินด้วยการแฝงค่าธรรมเนียมเข้าไปในสเปรดการเทรดแทน การเทรดต้องจ่ายสเปรด เพียงแต่ไม่ได้ปรากฏให้เห็นชัดเจน

โบรกเกอร์บางแห่งอาจเรียกเก็บค่าคอมมิชชันแยกต่างหาก และนำเสนอสเปรดที่แคบกว่า แล้วแบบไหนราคาถูกกว่า? ขึ้นอยู่กับว่าเทรดบ่อยแค่ไหน และขนาดการเทรดใหญ่เพียงใด

วิธีการคำนวณสเปรด

การคำนวณสเปรดทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับตลาดที่เทรด

●  เป็น Pip – ส่วนใหญ่พบได้ในฟอเร็กซ์ ซึ่งจะคำนวณจากส่วนต่างระหว่าง Bid และ Ask ที่แสดงในหน่วย pip

●  เป็นดอลลาร์ – ใช้ในหุ้นหรือคริปโต แสดงสเปรดเป็นเซนต์หรือดอลลาร์

●  เป็นเปอร์เซ็นต์ – พบได้ในพันธบัตรหรือผลิตภัณฑ์สินเชื่อหรือหนี้ ซึ่งจะแสดงสเปรดเป็นเปอร์เซ็นต์

การรู้วิธีคำนวณสเปรดจะช่วยให้เห็นต้นทุนที่แท้จริง และหลีกเลี่ยงเรื่องการเข้าใจผิด

ความเสี่ยงของสเปรดและการจัดการความเสี่ยง

การเข้าใจความเสี่ยงของสเปรด

ความเสี่ยงของสเปรดการเทรดคือโอกาสที่สเปรดจะเปลี่ยนไปในทางที่ทำให้เสียประโยชน์หลังจากที่เข้าเทรด เช่น อาจเปิดสถานะในช่วงที่มีสเปรดแคบ แต่ทันใดนั้นสเปรดได้กว้างขึ้น ทำให้การเทรดได้กำไรยากขึ้น

ความเสี่ยงของสเปรดที่แท้จริง

เมื่อคิดว่าสเปรดจะคงที่ แต่สเปรดกลับเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กรณีแบบนี้มักเกิดขึ้นตอนที่มีข่าวออกมาหรือช่วงที่ตลาดสงบมากๆ และมีคนไม่มากกำลังเทรด ในสถานการณ์ดังกล่าวอาจได้รับราคาแย่กว่าที่คาดไว้เมื่อเข้าเทรดหรือออกเทรด

การจัดการกับการเปิดรับความเสี่ยงของตลาด

การจัดการกับการเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหมายถึงการควบคุมว่ามีเงินที่กำลังเสี่ยงอยู่จำนวนเท่าไรในแต่ละช่วงเวลา

✍️ สามารถลดความเสี่ยงได้ดังนี้

●  เทรดให้น้อยลง

●  ใช้คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit

●  หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่สเปรดมีแนวโน้มว่าจะกว้างขึ้น (เช่น ช่วงประกาศข่าวสำคัญ หรือช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์)

กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง

วิธีง่ายๆ แต่ได้ผลเพื่อปกป้องความเสี่ยงเกี่ยวกับสเปรด

●  เทรดช่วงที่คึกคัก – สเปรดการเทรดมักแคบกว่าเมื่อตลาดกำลังคึกคัก

●  หลีกเลี่ยงช่วงประกาศข่าวที่มีความผันผวนสูง เว้นแต่ว่าจะเทรดข่าวอยู่แล้ว

●  เลือกเทรดสินทรัพย์หลัก – มีโอกาสที่สินทรัพย์เหล่านี้จะมีสภาพคล่องดีกว่า และสเปรดแคบกว่า

●  รู้กฎของโบรกเกอร์ – โบรกเกอร์บางที่อาจเพิ่มสเปรดในบางช่วงเวลา ดังนั้นจึงต้องรู้ว่าสเปรดจะเพิ่มขึ้นเมื่อไรและเพราะเหตุใด

การดำเนินการคำสั่งเทรดและการพิจารณาแพลตฟอร์ม

ขั้นตอนการเทรด

ทุกคำสั่งเทรดที่ส่งจะได้รับการดำเนินการผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการดำเนินการคำสั่ง การดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็วและแม่นยำช่วยให้ได้รับราคาที่ต้องการ แต่หากการดำเนินการล่าช้า ราคาอาจเปลี่ยนแปลงก่อนที่เทรดจะเสร็จสิ้น และลงเอยด้วยดีลที่ขาดทุน

เรื่องนี้สำคัญมากโดยเฉพาะเมื่อสเปรดการเทรดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อมีเหตุการณ์ข่าวสำคัญ ความล่าช้าแม้เพียงเสี้ยววินาทีหมายถึงการพลาดราคาที่วางแผนเอาไว้

แพลตฟอร์มและสเปรดการเทรด

แพลตฟอร์มเทรดที่เลือกส่งผลต่อสเปรด แพลตฟอร์มบางแห่งนำเสนอสเปรดแคบพร้อมค่าคอมมิชชัน ขณะที่บางที่จะรวมค่าธรรมเนียมเข้ากับสเปรด (ไม่มีค่าคอมมิชชัน) แพลตฟอร์ม ECN ช่วยให้เข้าถึงราคาตลาดจริง แต่มักเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเล็กน้อยต่อคำสั่งเทรด

นี่คือตารางเปรียบเทียบสเปรด EUR/USD ซึ่งประกอบด้วยประเภทสเปรดและจำนวนสเปรดทั่วไปที่นำเสนอโดยโบรกเกอร์ยอดนิยม

โบรกเกอร์/แพลตฟอร์มประเภทสเปรดสเปรด EUR/USD ทั่วไป
IQ Optionลอยตัว~0.6 pip ที่ขั้นต่ำ
eToroลอยตัว~1.0 pip
Plus500ลอยตัว~1.3 pip
Exnessลอยตัว~0.4–0.7 pip
Octa Forexลอยตัว~0.8–0.9 pip

ประเภทคำสั่งและผลของสเปรด

การเข้าเทรดทำได้หลายวิธี

●  คำสั่งตลาด (Market Order) หมายความว่าคำสั่งเทรดจะได้รับการดำเนินการตามราคาปัจจุบัน แต่ต้องจ่ายค่าสเปรดอยู่เสมอ

●  คำสั่งลิมิต (Limit Order) เป็นการกำหนดราคาที่ต้องการ และอาจช่วยหลีกเลี่ยงค่าสเปรดได้หากคำสั่งถูกจับคู่

พิจารณาสไตล์การเทรด

สไตล์การเทรดของแต่ละคนเป็นสิ่งที่ส่งผลกับสเปรด หากเป็นเทรดเดอร์สกัลปิ้งที่ทำเงินจากเทรดจำนวนมากต่อวัน แม้แต่สเปรดเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลกระทบที่สำคัญ แต่หากเป็นเทรดเดอร์สายสวิงเทรดที่ถือสถานะหลายวันหรือสัปดาห์ สเปรดจะไม่ส่งผลเท่าไร

ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกับสเปรด

ลักษณะของสเปรดขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาดใช่หรือไม่?

ผลกระทบของอัตราดอกเบี้ย

การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสามารถทำให้ตลาดแปรปรวน และส่งผลให้สเปรดเปลี่ยนแปลง เมื่อธนาคารกลางเพิ่มหรือลดดอกเบี้ยก็จะส่งผลต่อค่าของสกุลเงินหรือตราสารการเงิน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ดึงดูดให้เทรดเดอร์รีบเข้าสู่ตลาด ทำให้สเปรดแคบลงหรือกว้างขึ้น

ตัวอย่างเช่น เมื่อดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เทรดเดอร์จำนวนมากต้องการเทรดสกุลเงินนั้นมากขึ้น ทำให้ปริมาณการเทรดเพิ่มขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่สเปรดจะแคบลง แต่ก่อนการตัดสินใจประกาศดอกเบี้ย สเปรดอาจกว้างขึ้นเพราะความไม่แน่นอน

ผลกระทบของนโยบายทางการเงิน

นโยบายทางการเงินรวมถึงการตัดสินใจต่างๆ เช่น การพิมพ์เงินเพิ่ม การกำหนดอัตราเงินสำรอง หรือการใช้เครื่องมือ เช่น มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing หรือ QE) การดำเนินการเหล่านี้ส่งผลต่อจำนวนเงินในระบบ และระดับความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์

✍️ หากนโยบายช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและทำให้ปริมาณเทรดเพิ่มขึ้น สเปรดการเทรดอาจแคบลง แต่หากนโยบายทำให้เกิดความกลัวหรือความสับสน สเปรดอาจกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากเทรดเดอร์จะชะลอการเทรด

เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและสเปรด

เหตุการณ์ข่าวสำคัญ เช่น รายงานเงินเฟ้อ ตัวเลขจ้างงาน หรือการตัดสินใจทางการเมืองจะส่งผลต่อสเปรดอย่างชัดเจน เมื่อมีประกาศข่าว ราคาอาจเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์จะรีบเข้าเทรด และโบรกเกอร์มักเพิ่มสเปรด เพื่อปกป้องตัวเองจากราคาที่สวิงแบบกะทันหัน

นั่นคือเหตุผลที่เทรดเดอร์จำนวนมากหลีกเลี่ยงการเทรดช่วงที่มีการประกาศข่าวใหญ่ รอไม่กี่นาทีก็สามารถช่วยลดต้นทุนที่ไม่คาดคิดจากสเปรดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้

✍️ ติดตามปฏิทินอยู่เสมอ การรู้ว่าเหตุการณ์สำคัญจะเกิดขึ้นเมื่อไรสามารถช่วยวางแผนเทรดได้อย่างฉลาดมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการเทรดเมื่อสเปรดไม่แน่นอน

คำถามที่พบบ่อย

สเปรดในฟอเร็กซ์อยู่ที่เท่าไรถึงจะดี?

สเปรดที่ดีในฟอเร็กซ์มักอยู่ระหว่าง 0.1 และ 2 pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY สเปรดยิ่งต่ำ ต้นทุนเทรดยิ่งน้อย ควรเลือกโบรกเกอร์ที่นำเสนอสเปรดต่ำในช่วงเวลาเทรดที่คึกคักเพื่อลดต้นทุนของการเทรด

สเปรดสูงหรือต่ำดีกว่ากัน?

สเปรดต่ำดีกว่าเพราะหมายถึงต้นทุนที่น้อยกว่า สเปรดสูงหมายความว่าต้องให้ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการมากขึ้นเพื่อให้เท่าทุนและเห็นกำไร ทำให้การเทรดเป็นเรื่องยากมากขึ้น และมีต้นทุนสูง โดยเฉพาะกับกลยุทธ์เทรดระยะสั้น

หนึ่งสเปรดในฟอเร็กซ์อยู่ที่เท่าไร?

หนึ่งสเปรดเป็นส่วนต่างระหว่างราคา Bid และ Ask เช่น หาก EUR/USD อยู่ที่ราคา 1.1000/1.1002 สเปรดคือ 2 pip หากกำลังเทรดล็อตมาตรฐานที่แต่ละ pip มีมูลค่าประมาณ $10 ดังนั้นต้นทุนของเทรดนั้นจะเป็น $20

สเปรดส่งผลกับกำไรฟอเร็กซ์อย่างไร?

ต้องให้ตลาดเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการอย่างน้อยเท่ากับขนาดของสเปรดถึงจะเริ่มต้นทำเงินได้ สเปรดยิ่งมาก ยิ่งยากที่จะทำกำไรได้เร็ว

สิ่งที่ทำให้สเปรดกว้างขึ้น?

●  ความไม่แน่นอนของตลาดหรือข่าวด่วน

●  สภาพคล่องต่ำ (มีผู้ซื้อหรือผู้ขายไม่มาก)

●  ชั่วโมงหลังตลาดปิด เช่น กลางคืนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์

●  เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือประกาศข่าว

โบรกเกอร์ทำให้สเปรดกว้างขึ้นเพื่อจัดการกับความเสี่ยงเมื่อตลาดมีสภาวะไม่แน่นอน

จัดการกับการเปิดรับความเสี่ยงของตลาดในการเทรดสเปรดได้อย่างไร?

การจัดการความเสี่ยงหมายถึงการควบคุมว่าจะเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนในแต่ละเทรด แนวทางที่ดีในการจัดการกับความเสี่ยงมีดังนี้

●  กำหนด Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนที่เป็นไปได้

●  ใช้ขนาดคำสั่งที่เล็กลง

●  หลีกเลี่ยงการเทรดมากเกินไป

●  อยู่ห่างจากตลาดที่ผันผวนเมื่อสเปรดไม่แน่นอน

Updated ส.ค. 7, 2025

Marta Henriques