การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐไม่ใช่แค่เหตุการณ์ทางการเมือง แต่นับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างให้กับตลาดการเงินทั่วโลก ระหว่างตลาดโลกและเศรษฐกิจสหรัฐมีความข้องเกี่ยวกันอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะประเมินผลกระทบที่เกินจริงของการเลือกตั้งสหรัฐที่มีต่อตลาด ตลอดจนนโยบายเศรษฐกิจ แนวโน้มการลงทุน และการเทรดระหว่างประเทศ
การที่สกุลเงิน USD ทำหน้าที่เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก การเปลี่ยนแปลงผู้นำทางการเมืองจึงสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อเซนติเมนต์ของตลาดและนำไปสู่ความผันผวนเพิ่มขึ้น ในบทความนี้จะอธิบายว่าการเลือกตั้งจะส่งผลอย่างไรต่อสินทรัพย์ที่สำคัญอย่างเช่น ฟอเร็กซ์ น้ำมัน ทองคำ หุ้น และแม้แต่ตลาดคริปโต
สิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้มีอะไรบ้าง?
- การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 แข่งขันอย่างเข้มข้น ชี้ขาดไม่ได้ ทำให้ตลาดยิ่งมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น
- ในสัปดาห์สุดท้ายของการหาเสียง โพลสำรวจแสดงให้เห็นว่ามีความสูสีระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมเครต และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรคริพับลิกัน
- การสำรวจทั้งในระดับประเทศและระดับรัฐสมรภูมิ (Battleground States) ต่างแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่คู่คี่กันมาก ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินว่าใครจะได้รับชัยชนะ
หมายความว่านักเทรดควรเตรียมตัวรับมือกับทุกผลลัพธ์ที่จะออกมา และพิจารณาถึงผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่เป็นไปได้ มาดูกันว่าสิ่งที่ต้องเผชิญและสินทรัพย์ที่อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากผลลัพธ์ของการเลือกตั้งครั้งนี้
ตลาดจะตอบสนองต่อผลการเลือกตั้งอย่างไร?
การเลือกตั้งแต่ละครั้งแตกต่างกัน เงื่อนไขเศรษฐกิจและการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์จึงมักชี้ให้เห็นรูปแบบผลกระทบทั่วไปต่อตลาดที่เกิดจากเหตุการณ์นี้ ลองพิจารณาสิ่งเหล่านี้เพื่อสร้างกลยุทธ์เทรดสำหรับการรับมือกับช่วงเลือกตั้ง
ความผันผวนของตลาด
ในอดีตที่ผ่านมา ช่วงหลายเดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐถือเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูงสุด เมื่อความไม่แน่นอนยังเห็นได้ชัด ตลาดจึงผันผวนเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของความคาดหวังและการคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนดังกล่าวมักจะลดลงหลังยืนยันผลการเลือกตั้งแล้ว เมื่อความชัดเจนเกิดขึ้นจึงลดความกังวลที่เป็นตัวผลักดันความผันผวน
กลับสู่สภาวะเสถียรภาพหลังเลือกตั้ง
หลังจากเลือกตั้ง ตลาดมักจะรู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะในส่วนของตลาดหุ้นที่มีมูลค่าสูงของสหรัฐ ในอดีตเซกเตอร์นี้มีการรีบาวด์ที่เห็นได้ชัดเมื่อความมั่นใจของนักลงทุนกลับคืนมา ความเชื่อมั่นแง่ดีในช่วงแรกนี้ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนโดยความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจใหม่ เช่น การปฏิรูปภาษี
แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำคือการเปลี่ยนผ่านจากคำสัญญาตอนหาเสียงไปสู่การนำนโยบายไปใช้จริงอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เมื่อความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเริ่มลดลง ตลาดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยทั่วไปสินทรัพย์สหรัฐมักจะได้รับประโยชน์จากการมุ่งเน้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจครั้งใหม่
ผลกระทบของการเลือกตั้งสหรัฐที่มีต่อตลาดฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโต
ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนนี้อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดการเงินหลักที่สำคัญหลายแห่ง ผู้สมัครทั้งสองมีมุมมองแตกต่างกันมากด้านนโยบายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งแต่ภาษีการย้ายถิ่นฐานและภาษีการค้าไปจนถึงการใช้จ่ายและภาษีของรัฐบาล ความแตกต่างด้านนโยบายเหล่านี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อพฤติกรรมของตลาด
ในส่วนนี้จะมาเจาะลึกว่าการเลือกตั้งสามารถส่งผลกระทบกับตลาดต่างๆ อย่างไร รวมถึงหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ และคริปโต เพื่อให้นักเทรดเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น
ฟอเร็กซ์
ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดฟอเร็กซ์ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่มีต่อสกุลเงิน USD รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาจะกำหนดนโยบายการค้าและการเงิน ซึ่งส่งผลกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทรัมป์ – ลดภาษีและเพิ่มความเข้มงวดในการย้ายถิ่นฐาน
นักวิเคราะห์บางส่วนแนะว่าชัยชนะของทรัมป์อาจเป็นผลดีสำหรับดอลลาร์สหรัฐ นโยบายการปฏิรูปภาษีและการย้ายถิ่นฐานที่เข้มงวดมากขึ้นที่เสนอโดยทรัมป์ คาดว่าจะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและส่งผลต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ส่วนการลดภาษีจะกระตุ้นการใช้จ่ายและกิจกรรมเศรษฐกิจ การควบคุมการย้ายถิ่นฐานที่เข้มงวดขึ้นอาจทำให้แรงงานขาดแคลน ส่งผลให้ค่าแรงสูงขึ้น
นอกจากนี้ แนวโน้มที่ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีการค้าอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของยุโรป และหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้นจะผลักดันให้เงินเฟ้อในประเทศสูงขึ้น สรุปได้ว่าสิ่งนี้อาจทำให้เงิน USD แข็งค่าขึ้น เนื่องจากการผ่อนคลายนโยบายและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
แฮร์ริส – สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ
ในทางกลับกัน หากกมลา แฮร์ริส ได้รับชัยชนะ อาจส่งผลให้ลดหย่อนภาษีน้อยลง การยับยั้งทางการเงินดังกล่าวอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว และเมื่อเทียบกับรัฐบาลที่นำโดยทรัมป์ นโยบายของแฮร์ริสอาจควบคุมความกดดันด้านเงินเฟ้อได้ นอกจากนี้ แฮร์ริสอาจนำนโยบายการค้าร่วมมือมาใช้มากขึ้น เพื่อบรรเทาความเสี่ยงจากการหยุดชะงักที่เกิดจากการเรียกเก็บภาษี สภาพแวดล้อมการค้าที่มั่นคงมากขึ้นอาจเป็นประโยชน์กับสกุลเงินยูโร เนื่องจากแฮร์ริสมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งทางการค้าที่มีแรงกดดันต่อ EUR/USD ในอดีตที่ผ่านมา เรื่องนี้อาจส่งผลเชิงบวกกับ EUR แต่อาจไม่เป็นประโยชน์กับ USD
ในภาพรวมกล่าวได้ว่าผลการเลือกตั้งจะกำหนดทิศทางของค่าเงิน USD แต่ด้านปัจจัยอื่นๆ เช่น การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายธนาคารกลางสหรัฐและพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กว้างขึ้นเป็นสิ่งที่จะมีบทบาทสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
หุ้น
ในด้านหุ้นสหรัฐ ผู้ชนะตำแหน่งประธานาธิบดีอาจส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อเซกเตอร์ที่จะเติบโต
ทรัมป์ – กระตุ้นการผลิตน้ำมันและเพิ่มภาษีศุลกากรสูงขึ้น
หากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลับสู่ทำเนียบขาว มีโอกาสที่ทรัมป์จะสนับสนุนอุตสาหกรรมดั้งเดิมต่อไป เช่น น้ำมันและการป้องกันประเทศ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาเชื้อเพลิงฟอสซิลและการป้องกันประเทศจะอยู่ในจุดที่ได้รับประโยชน์เหมือนช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
ในด้านนโยบายต่างประเทศ แนวทางการคุ้มครองทางการค้าและภาษีศุลกากรของทรัมป์อาจทำให้เกิดความเครียดทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่อีกครั้ง เช่น จีนและสหภาพยุโรป เรื่องนี้อาจสร้างความผันผวน โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งมีความเปราะบางต่อการหยุดชะงักของการค้าระดับโลกมากกว่า ในกรณีดังกล่าวอาจทำให้บริษัทต่างประเทศเข้าสู่ตลาดสหรัฐได้ยากขึ้นและดึงดูดผู้บริโภคชาวสหรัฐยากกว่าเดิม ซึ่งมีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าหุ้น
แฮร์ริส – เน้นพลังงานหมุนเวียนและนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่เป็นมิตร
ในกรณีที่กมลา แฮร์ริส ได้รับชัยชนะ อาจเป็นสัญญาณของเปลี่ยนแปลงสู่พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และยานพาหนะไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับจุดยืนแบบก้าวหน้าของแฮร์ริสในประเด็นสิ่งแวดล้อม บริษัทอย่าง Tesla รวมถึง SolarEdge และอีกหลายบริษัทแห่งอาจได้รับประโยชน์เมื่อพลังงานสะอาดเริ่มได้รับความสนใจภายใต้นโยบายที่สะท้อนถึง Green New Deal
แฮร์ริสอาจนำนโยบายการค้าร่วมมือและเป็นมิตรมาใช้มากขึ้น แนวทางของแฮร์ริสอาจลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เพิ่มความมั่นคงให้ซัพพลายเชน และเป็นประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติที่มีการดำเนินงานทั่วโลก
สินค้าโภคภัณฑ์
ในส่วนของสินค้าโภคภัณฑ์ ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอาจนำไปสู่ผลกระทบด้านต่างๆ สำหรับตลาดพลังงาน
ทรัมป์ – ผลักดันการผลิตพลังงานภายในประเทศ
ชัยชนะของพรรคริพับลิกันจะสนับสนุนการเพิ่มปริมาณผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ การยกเลิกข้อจำกัดทางสภาพอากาศและหนุนการผลิตพลังงานภายในประเทศจะทำให้โดนัลด์ ทรัมป์สามารถลดต้นทุนพลังงานได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เรื่องนี้อาจเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมที่อาศัยต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำลงและจะเป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ยกเว้นโลหะมีค่าอย่างทองคำ
แฮร์ริส – สนับสนุนพลังงานสีเขียว
ในด้านของกมลา แฮร์ริส ถูกมองว่าสนับสนุนพลังงานสีเขียว ส่วนแนวทางที่เด่นชัดเกี่ยวกับนโยบายด้านภูมิอากาศยังคงไม่เป็นที่ชัดเจน ชัยชนะของแฮร์ริสจะช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนให้เร็วขึ้น อาจส่งผลให้อุปทานน้ำมันและก๊าซมีจำกัดมากขึ้น ข้อจำกัดด้านอุปทานดังกล่าวอาจกลายเป็นแรงขับเคลื่อนเงินเฟ้อในระยะยาว ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐสูงขึ้น ภายใต้สภาวะดังกล่าวอาจทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันดิบและก๊าซ เจอกับความผันผวนเพิ่มขึ้น
ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จะตอบสนองต่อนโยบายพลังงานทั้งแบบทันทีและการส่งผลระยะยาว ดังนั้นนักเทรดจึงต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างใกล้ชิด รวมถึงตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคที่กว้างขึ้น
คริปโต
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอาจส่งผลอย่างรุนแรงกับตลาดคริปโต โดยเฉพาะด้านกฎระเบียบและการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ในวงกว้างมากขึ้นกว่าเดิม
ทรัมป์ – ออกมาพูดสนับสนุนคริปโต
ทรัมป์แสดงจุดยืนสนับสนุนคริปโต โดยการให้คำมั่นสัญญาที่งานประชุม Bitcoin 2024 ว่าจะทำให้สหรัฐกลายเป็น “เมืองหลวงคริปโตของโลก” และกำหนดให้ Bitcoin เป็นมหาอำนาจทางการเงินระดับโลก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทรัมป์จะโกยความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบคริปโต แต่ก็ยังไม่มีนโยบายชัดเจนใดๆ ที่มารองรับการสนับสนุน Bitcoin ตามที่พูดไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นเป็นแค่การคาดเดา
ทั้งนี้นโยบายภาษีของทรัมป์อาจสร้างความเสี่ยงให้กับตลาดคริปโตจากการที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะทำให้ตลาดยิ่งผันผวน ซึ่งอาจกระทบ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ นอกจากนี้ ความขัดแย้งด้านการค้าและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้นักลงทุนหันไปสนใจสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า
แฮร์ริส – ชี้ให้เห็นถึงกฎระเบียบและความชัดเจนมากขึ้นในเซกเตอร์คริปโต
ทางด้าน กมลา แฮร์ริส ได้นำเสนอแนวทางที่ดูมีโครงสร้างมากกว่าสำหรับการควบคุมคริปโต แม้ว่าเรื่องนี้อาจเป็นการทำให้มีการควบคุมคริปโตเพิ่มขึ้น แต่จะช่วยให้ตลาดระยะยาวมีความชัดเจนและความมั่นคง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐส่งผลต่อตลาดการเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนักเทรดจึงควรจำไว้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมและแรงกดดันเงินเฟ้อเป็นสิ่งที่กระทบกับเพอร์ฟอร์แมนซ์ของตลาดยาวนานมากกว่าผลลัพธ์การเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ในอนาคตจะกำหนดการเปลี่ยนแปลงต่อเซกเตอร์สำคัญต่างๆ ตั้งแต่หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ไปจนถึงฟอเร็กซ์และคริปโต อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านการค้าระดับโลก นโยบายการเงิน และการตัดสินใจของธนาคารกลางจะมีบทบาทสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน
การเลือกตั้งนี้แสดงให้เห็นถึงโอกาสพิเศษ พร้อมความผันผวนทั่วตลาดที่อาจเป็นไปได้ ทำให้เป็นช่วงเวลาเทรดที่น่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะกำลังจับตาดูความเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน เทคโนโลยี หรือคริปโต การเลือกตั้งนำเสนอโอกาสมากมายให้ทำเงินจากความเคลื่อนไหวของตลาด ห้ามพลาดโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อตั้งหลักรับมือกับการทำกำไรภายใต้สภาพแวดล้อมการเทรดที่ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ